5 กลยุทธ์ Digital Marketing : เรียนรู้การตลาดออนไลน์จาก Neil Patel
กลยุทธ์ Digital Marketing อย่างมืออาชีพ 5 เคล็ดลับที่คุณต้องรู้
กลยุทธ์ Digital Marketing อย่างมืออาชีพ จาก Neil Patel
ในการทำ Digital Marketing ให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน การเรียนรู้จากกูรูระดับโลกอย่าง Neil Patel นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง Neil ได้แบ่งปันเคล็ดลับการตลาดออนไลน์ที่สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจทุกขนาดได้
SME Jump รับทำการตลาดออนไลน์ ขอนำเสนอบทความคำแนะนำของ Neil Patel 5 เคล็ดลับการตลาดออนไลน์ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเพิ่มยอดขายและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจของคุณได้
5 เคล็ดลับ Digital Marketing อย่างมืออาชีพ
1. สร้างบล็อกคุณภาพสูง เพื่อรากฐานการตลาดที่ยั่งยืน
บางคนอาจคิดว่าบล็อกนั้นล้าสมัยไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้วบล็อกยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังมากที่สุด ในด้านการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะธุรกิจแบบ B2B หรือแม้กระทั้งช่วยเสริมการสร้างตัวตนของแบรนด์
นอกจากนี้ บล็อกยังสามารถทำ SEO เพื่อแสดงเว็บไซต์ในคำค้นหาต่างๆที่สำคัญ การทำ SEO ที่ดีจะไม่ใช่เพียงแค่เขียนเนื้อหาให้ครบถ้วน แต่ต้องมีความลึกซึ้ง ครอบคลุม และนำเสนอข้อมูลที่สดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และความเชี่ยวชาญให้กับธุรกิจได้อีกด้วย นอกเนื้อจาก การแสดงผลในตำแหน่งที่ดีบนหน้า Google Search
Neil Patel แนะนำให้ใช้เครื่องมืออย่าง Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาของคู่แข่ง และสร้างบทความที่มีคุณภาพเหนือกว่า ทั้งด้านข้อมูล เนื้อหา และความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังควรมีการใส่ Backlink ที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
สิ่งที่ควรทำ:
- สร้างเนื้อหาที่มีข้อมูลลึก ครอบคลุม และอัปเดตอยู่เสมอ
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เช่น Ubersuggest เพื่อวางแผนเนื้อหา
- ใส่ Backlink คุณภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
Backlink คืออะไร:
Backlink คือ ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของเรา เปรียบเสมือนการได้รับ “คะแนนความน่าเชื่อถือ” จากเว็บไซต์ภายนอก ยิ่งเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงมามีคุณภาพและน่าเชื่อถือมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเราในสายตาเครื่องมือค้นหา เช่น Google
ตัวอย่าง:
หากเว็บไซต์ A (เช่น บล็อกเกี่ยวกับการตลาด) ทำลิงก์ไปยังเว็บไซต์ B (เช่น เว็บไซต์ธุรกิจของคุณ) นั่นหมายความว่า เว็บไซต์ B ได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ A
ทำไม Backlink ถึงสำคัญ:
- เพิ่มคะแนน SEO: Backlink ช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับเว็บไซต์บนเครื่องมือค้นหา
- สร้างความน่าเชื่อถือ: เมื่อเว็บไซต์ที่มีคุณภาพลิงก์กลับมาหาเรา แปลว่าเนื้อหาของเราน่าเชื่อถือ
- เพิ่มปริมาณการเข้าชม: หากผู้ใช้งานเว็บไซต์ A สนใจลิงก์ ก็อาจคลิกมายังเว็บไซต์ B ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มลูกค้า
2. ปรับเว็บไซต์เพื่อเพิ่ม Conversion เปลี่ยนผู้ชมให้เป็นลูกค้า
การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด การเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าต่างหากคือสิ่งที่ควรมุ่งเน้น Neil เน้นให้ความสำคัญกับ Conversion Rate Optimization (CRO) โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานผ่านเครื่องมืออย่าง Crazy Egg หรือ Hotjar เพื่อติดตามการเคลื่อนไหว คลิก และเลื่อนหน้าจอภายในเว็บไซต์
การทำ A/B Testing ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เช่น การเปลี่ยนข้อความบนปุ่ม Call-to-Action หรือรูปภาพบนหน้า Landing Page เพื่อดูว่าแบบใดให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
สิ่งที่ควรทำ:
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ เช่น Crazy Egg หรือ Hotjar
- ทำ A/B Testing อย่างสม่ำเสมอ
- ปรับปรุงเว็บไซต์ตามผลลัพธ์ที่ได้จากการทดสอบ
เกี่ยวกับ Crazy Egg:
Crazy Egg คือเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร เช่น คลิกที่ตำแหน่งไหน เลื่อนดูถึงตรงไหน และใช้เวลานานเท่าไรในแต่ละหน้า
เครื่องมือนี้นำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Heatmap และ Scrollmap ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนว่าจุดไหนที่ผู้ใช้งานให้ความสนใจมากที่สุด และจุดไหนที่ควรปรับปรุง Neil Patel แนะนำให้ใช้ Crazy Egg เพราะมันช่วยให้คุณปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการออกจากหน้าเว็บ และเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้า
ตัวอย่างการใช้งาน:
หากคุณมีหน้า Landing Page ที่มีอัตรา Bounce Rate สูง คุณสามารถใช้ Crazy Egg วิเคราะห์ว่าองค์ประกอบใดอาจทำให้ผู้ใช้ออกจากหน้า และปรับดีไซน์หรือข้อความให้ดึงดูดมากขึ้น
เกี่ยวกับ Hotjar:
Hotjar คือเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ที่ช่วยให้คุณมองเห็นว่าผู้เยี่ยมชมมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร เช่น การคลิก การเลื่อนดูหน้า และการกรอกแบบฟอร์ม โดยนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Heatmap, Session Recordings และ Survey เพื่อให้คุณเข้าใจถึงความรู้สึกและประสบการณ์ของผู้ใช้ได้อย่างละเอียด
Neil Patel แนะนำให้ใช้ Hotjar เพราะมันช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไมผู้ใช้งานถึงออกจากเว็บไซต์ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปปรับปรุง UX/UI ได้ดียิ่งขึ้น การวิเคราะห์ด้วย Hotjar ยังช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Conversion ได้อย่างตรงจุด เช่น ปรับปรุงฟอร์มหรือการวางปุ่ม Call-to-Action
ตัวอย่างการใช้งาน:
หากคุณพบว่าหน้าสั่งซื้อสินค้ามีอัตราการละทิ้งสูง คุณสามารถใช้ Hotjar บันทึกการใช้งานและวิเคราะห์ว่ามีปัญหาใดที่ผู้ใช้พบ เช่น ปุ่มกดไม่เด่น หรือแบบฟอร์มซับซ้อนเกินไป จากนั้นปรับปรุงเพื่อเพิ่มอัตราการซื้อ
3. ใช้ประโยชน์จาก AI ในงานการตลาด
ในปี 2025 AI กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล Neil แนะนำให้ใช้ AI ในงานที่ซ้ำซากหรือใช้เวลานาน เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย ChatGPT หรือ Gemini รวมไปถึงการสร้างภาพโฆษณาโดยใช้ Adobe Firefly ที่สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว
การนำ AI มาช่วยวางแผนแคมเปญ เช่น การใช้ AI ใน Facebook Ads และ Google Ads เพื่อปรับคอนเทนต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายแบบเรียลไทม์ ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ
สิ่งที่ควรทำ:
- ใช้ AI ช่วยในการสร้างเนื้อหาและวิเคราะห์ข้อมูล
- นำ AI มาช่วยวางแผนแคมเปญโฆษณา
- ใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT และ Adobe Firefly ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์
เกี่ยวกับ Adobe Firefly:
Adobe Firefly คือเครื่องมือ AI สำหรับการสร้างสรรค์งานกราฟิกและภาพโฆษณา ที่สามารถสร้างภาพและออกแบบได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับนักการตลาดที่ต้องการสร้างคอนเทนต์ภาพในเวลาจำกัด Firefly ใช้ AI ในการสร้างภาพจากข้อความหรือปรับแต่งภาพให้ตรงกับความต้องการ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการผลิตสื่อโฆษณา
Neil Patel แนะนำให้ใช้ Adobe Firefly เนื่องจากสามารถสร้างภาพที่ดูเป็นมืออาชีพโดยไม่ต้องพึ่งนักออกแบบกราฟิก ทำให้ทีมการตลาดสามารถผลิตคอนเทนต์ได้เร็วขึ้นและสวยงามในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถทดลองดีไซน์หลายรูปแบบก่อนตัดสินใจใช้งานจริง
ตัวอย่างการใช้งาน:
หากคุณต้องการภาพประกอบบทความหรือโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย คุณสามารถใช้ Firefly สร้างภาพที่เข้ากับเนื้อหาได้ทันที โดยเพียงพิมพ์คำอธิบายหรือแนวคิดที่ต้องการ
4. เปิดรับการทดสอบและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
โลกดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เคล็ดลับหนึ่งที่ Neil เน้นย้ำคือการทดสอบและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำ A/B Testing ในทุกแคมเปญ เช่น การทดลองข้อความโฆษณาหรือรูปภาพ เพื่อวัดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สิ่งที่ควรทำ:
- วางแผนการทดสอบให้เป็นกิจวัตร
- ติดตามและวิเคราะห์ผลการทดลองอย่างละเอียด
- ปรับปรุงกลยุทธ์ตามผลการทดสอบ
A/B Testing คืออะไร:
A/B Testing คือ กระบวนการทดสอบสองรูปแบบหรือมากกว่า เพื่อเปรียบเทียบว่าสิ่งใดให้ผลลัพธ์ดีที่สุด โดยทั่วไปจะใช้ในการตลาดดิจิทัล เช่น การทดสอบหน้า Landing Page หรือข้อความโฆษณา เพื่อวัดว่าสิ่งใดดึงดูดผู้ใช้งานมากกว่า
ตัวอย่าง:
หากคุณต้องการยิงแอด Facebook คุณอาจสร้างโฆษณา 2 เวอร์ชันที่แตกต่างกัน เช่น โฆษณา A ใช้ภาพสินค้าพื้นหลังสีขาว และโฆษณา B ใช้ภาพสินค้าพื้นหลังสีสันสดใส จากนั้นปล่อยโฆษณาทั้งสองพร้อมกัน และวัดผลว่าโฆษณาใดมีอัตราการคลิก (CTR) สูงกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้รูปแบบที่ได้ผลดีกว่า
5. เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
สุดท้าย Neil Patel แนะนำให้สร้างคอนเน็กชันกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ ไม่ว่าจะผ่านการเข้าร่วมกลุ่ม Facebook, สัมมนาออนไลน์ หรือพอดแคสต์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ
สิ่งที่ควรทำ:
- เข้าร่วมชุมชนออนไลน์และงานสัมมนาต่าง ๆ
- ติดตามกูรูด้านการตลาดเพื่อรับข้อมูลอัปเดต
- แบ่งปันประสบการณ์และเรียนรู้จากผู้อื่น
บทสรุป: กลยุทธ์ Digital Marketing อย่างมืออาชีพ
การนำเคล็ดลับจาก Neil Patel มาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบล็อกคุณภาพ การเพิ่ม Conversion การใช้ AI การทดลองอย่างต่อเนื่อง หรือการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณก้าวทันการแข่งขันในโลกดิจิทัลและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว
เกี่ยวกับ Neil Patel:
Neil Patel เป็นนักการตลาดดิจิทัลชั้นนำระดับโลก และผู้ร่วมก่อตั้งเครื่องมือวิเคราะห์ SEO ยอดนิยมอย่าง Ubersuggest รวมถึงบริษัทด้านการตลาดอย่าง NP Digital เขาได้รับการยอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์
ผลงานของ Neil Patel ได้แก่ การทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลก เช่น Amazon, Google, NBC และ Viacom โดยมุ่งเน้นช่วยให้ธุรกิจเพิ่มยอดขายและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ Neil ยังมีบทความ บล็อก และพอดแคสต์ที่ให้ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์แก่ผู้ติดตามทั่วโลก
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ