รู้ก่อนเริ่มทำโฆษณา Google Ads ความหมายของ SEM คืออะไร?

SEM คืออะไร? ไขข้อสงสัย การทำการตลาดผ่านเสิร์ชเอ็นจิ้น โดยเน้น Google Ads

SEM คืออะไร

SEM คืออะไร

สารบัญเกี่ยวกับ SEM

  1. ความหมายของ SEM และบทบาทสำคัญในโลกดิจิทัล
  2. Google Ads คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับ SEM
  3. ประเภทของโฆษณาใน Google Ads
  4. หลักการทำงานของ Google Ads ใน SEM
  5. การเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับ SEM
  6. การประมูลราคา (Bidding) ใน Google Ads
  7. ประโยชน์ของ SEM และ Google Ads ต่อธุรกิจ
  8. วิธีการเริ่มต้นใช้งาน Google Ads สำหรับ SEM

 1. ความหมายของ SEM คืออะไร และบทบาทสำคัญในโลกดิจิทัล

SEM (Search Engine Marketing) หมายถึงการทำการตลาดบนเสิร์ชเอ็นจิ้น โดยเน้นการเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ในหน้าแสดงผลของเครื่องมือค้นหา (Search Engine Results Pages หรือ SERPs) ผ่านการใช้โฆษณาที่จ่ายเงิน (Paid Ads) ในบทความนี้เราจะโฟกัสไปที่ การทำโฆษณา Google Ads  ซึ่งเป็นระบบโฆษณาที่ธุรกิจนิยมใช้มากที่สุด จากค่าย Google ที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถแสดงขึ้นมาในผลการค้นหาในหน้า Google Search เสิร์ชเอ็นจิ้นที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด

โดยความแตกต่างจาก SEO คือ SEM สามารถเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วกว่า เพราะเป็นการจ่ายเงินเพื่อแสดงผล ในขณะที่ SEO ต้องใช้เวลาและการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับโดยธรรมชาติ คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม SEO แตกต่างจาก SEM อย่างไร

การใช้ SEM โดยเฉพาะ Google Ads ช่วยให้ธุรกิจหรือแบรนด์สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ทันทีเมื่อผู้ใช้งานค้นหาด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่เรานำเสนอ ทำให้ SEM เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมากในยุคการตลาดออนไลน์ ซึ่งรูปแบบโฆษณาของ Google Ads ที่เป็น SEM จริงๆ แล้วเรียกว่า Search Ads แต่คนส่วนใหญ่รู้จักในคำว่า Google Ads

 2. Google Ads คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับ SEM

แพลตฟอร์ม Google Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ของ Google ซึ่งให้ผู้โฆษณาจ่ายเงินเพื่อให้โฆษณาของตนเองแสดงในหน้าแรกของผลการค้นหา Google ซึ่งนับเป็นแพลตฟอร์มที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำ SEM เพราะมีการเข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมาก มากกว่า 98% ของคนไทยนิยมใช้ Google Search ในการค้นหาข้อมูล และ Google ยังเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของโลก

Google Ads เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเพิ่มยอดขาย เพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อ มาพบกับผู้ที่ต้องการขาย ผ่านคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง Google Ads ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มสนใจบริการหรือสินค้าของคุณอย่างตรงจุด และสามารถเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่น (Conversion Rate) โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ซึ่งทำให้ Google Ads กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้ และผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งานในกลยุทธ์ SEM

 3. ประเภทของโฆษณาใน Google Ads

Google Ads มีหลายประเภทที่สามารถใช้งานเพื่อทำ SEM โดยหลักๆ จะมีดังนี้

– Search Ads: โฆษณาที่แสดงในหน้าผลการค้นหา Google โดยจะปรากฏเป็นข้อความที่แสดงอยู่ในลำดับต้นของผลการค้นหา เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาข้อมูลได้ตรงจุด

– Display Ads: โฆษณาแบบภาพ หรือแบนเนอร์ที่แสดงบนเว็บไซต์เครือข่าย และพันธมิตรของ Google เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ

– Video Ads: โฆษณาแบบวิดีโอที่แสดงบน YouTube ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมในเครือของ Google

– Shopping Ads: เหมาะสำหรับธุรกิจ eCommerce ที่มีเว็บไซต์ในระบบตะกร้าสามารถขายสินค้าได้ทันที แสดงภาพสินค้า ราคา และลิงก์ไปยังหน้าซื้อสินค้าโดยตรง

– App Ads: โฆษณาสำหรับแอปพลิเคชัน ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปได้ง่ายขึ้น

การเลือกประเภทของโฆษณาใน Google Ads ควรคำนึงถึงเป้าหมายทางการตลาดและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ

4. หลักการทำงานของ Google Ads ใน SEM (หรือที่เรียกว่า Search Ads)

Google Ads ใช้ระบบการประมูลราคา (Bidding) ในการจัดอันดับโฆษณาบนหน้า โดยผู้โฆษณาสามารถกำหนดงบประมาณ และเลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการให้โฆษณาของตนแสดง เมื่อผู้ใช้งานค้นหาด้วยคำดังกล่าว Google จะพิจารณาจาก Quality Score (คะแนนคุณภาพ) ซึ่งประกอบด้วย 3 เรื่องคือ Expected CTR, Ad Relevant, Landing Page Experience และ Maximum Bid (ราคาเสนอสูงสุด) ในการจัดลำดับการแสดงผลของโฆษณา ดังนั้นไม่เพียงแค่การตั้งงบประมาณสูงจะทำให้โฆษณาปรากฏในลำดับต้นๆ แต่การที่โฆษณามีคุณภาพดีก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน

5. การเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับ SEM

คีย์เวิร์ดเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEM เนื่องจากคีย์เวิร์ดที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการคลิกโฆษณา (CTR) และเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่น โดยการเลือกคีย์เวิร์ดใน Google Ads นั้นควรพิจารณาหลักการต่อไปนี้:

– ความเกี่ยวข้อง (Relevance): ควรเลือกคำที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ แนะนำให้เริ่มจากการใช้รูปแบบคีย์เวิร์ดที่เรียกว่า การทำงานแบบวลี (Phrase Match)

– จำนวนครั้งในการค้นหา (Search Volume): คีย์เวิร์ดที่มีคนค้นหามากมักจะดึงดูดคลิกมากขึ้น

– การแข่งขัน (Competition): คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงอาจต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในการทำโฆษณา โดยปกติคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูง ค่าโฆษณาต่อคลิกก็จะสูงตามไปด้วย

– Long-tail Keywords: คำค้นหาที่มีความยาวและมีความเจาะจงมากขึ้นมักจะมีการแข่งขันน้อยกว่าและมีโอกาสสูงที่ผู้ใช้งานจะสนใจสินค้าอย่างแท้จริง เทคนิคนี้ช่วยเลี่ยงคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูง โดยเพิ่มคำที่เฉพาะเจาะจงเข้าไปในคีย์เวิร์ด ตัวอย่างเช่น ร้านซ่อมแอร์รามคำแหง ร้านขายหินอ่อนใกล้ฉัน โครงการคอนโดใหม่ย่านสาทร เป็นต้น

การเลือกคีย์เวิร์ดอย่างเข้าใจ และรอบคอบจะช่วยให้โฆษณาใน Google Ads มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดต้นทุนในระยะยาว คุณสามารถใช้เครื่องวางแผนคีย์เวิร์ด Keyword Planner ในบัญชี Google Ads เพื่อศึกษาข้อมูลคีย์เวิร์ด เพื่อช่วยเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมให้กับคุณ

6. การประมูลราคา (Bidding) ใน Google Ads

Google Ads ใช้ระบบการประมูลราคาแบบอัตโนมัติ ซึ่งผู้โฆษณาสามารถกำหนดวิธีการประมูลได้ตามเป้าหมายของตนเอง ได้แก่

– Click (คลิก): รูปแบบนี้เน้นการจ่ายเงินเมื่อมีการคลิกที่โฆษณา เหมาะสำหรับการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง การประมูลรูปแบบนี้ ระบบจะทำให้ได้จำนวนคลิกมากที่สุดตามงบโฆษณาที่กำหนด ซึ่งหมายความว่า ค่าโฆษณาต่อคลิกถูกที่สุด

– Conversion (คอนเวอร์ชั่น): การประมูลที่เน้นการจ่ายเมื่อเกิดการกระทำที่มีมูลค่า เช่น การสั่งซื้อหรือการลงทะเบียน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่น การประมูลรูปแบบนี้เป็น Smart Bidding ที่ Google Ads จะใช้ AI เข้ามาช่วยในการส่งโฆษณาไปหาคนที่มีโอกาสทำให้เกิดคอนเวอร์ชั่น

– Impression Share (การแชร์การแสดงผล): เน้นการเพิ่มอัตราการแสดงโฆษณาในพื้นที่เป้าหมาย โดยจ่ายตามจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฏ เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยสามารถกำหนดเปอร์เซ็นต์ในการแชร์การแสดงผลได้ เช่น ต้องการให้โฆษณาแสดง 70% ของจำนวนการแสดงทั้งหมด

– Manual CPC: การกำหนดค่าคลิกด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับการควบคุมงบประมาณและมีความยืดหยุ่นในการปรับค่าใช้จ่ายต่อคลิก โดยรูปแบบนี้ไม่แนะนำให้ใช้ ยกเว้นในบางกรณีเท่านั้น

การประมูลราคาเป็นขั้นตอนสำคัญของ SEM ใน Google Ads ที่ต้องการการวิเคราะห์และปรับแต่งให้เหมาะสมกับเป้าหมายและงบประมาณที่กำหนด

7. ประโยชน์ของ SEM และ Google Ads ต่อธุรกิจ

การทำ SEM โดยใช้ Google Ads ช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายและการรับรู้แบรนด์ ทั้งนี้ยังมีประโยชน์สำคัญดังต่อไปนี้:

– เพิ่มการมองเห็น: โฆษณาในหน้าแรกของ Google จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายพบเห็นสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การแสดงโฆษณาบนตำแหน่งบน ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เสมือนกับ Google ได้มีการรับรองธุรกิจให้มาแสดง

– เพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่น (Conversion Rate): กลุ่มเป้าหมายที่คลิกโฆษณามีแนวโน้มที่จะสนใจสินค้าและบริการอย่างจริงจัง โดย Google Ads จะวิเคราะห์จากพฤติกรรมของผู้ค้นหา โดยจะแสดงโฆษณาในผู้ที่มีโอกาสสร้างคอนเวอร์ชั่นบนเว็บไซต์

– ควบคุมงบประมาณได้ง่าย: ผู้โฆษณาสามารถตั้งงบประมาณตามที่ต้องการและปรับเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ โดยงบโฆษณาจะกำหนดเป็นรายวัน เมื่องบโฆษณาถูกใช้หมด โฆษณาก็จะหยุดแสดง และเริ่มรันใหม่ในวันถัดไป

– วัดผลได้ชัดเจน: สามารถติดตามผลลัพธ์อย่างเช่น จำนวนคลิก อัตราคอนเวอร์ชั่น และยอดขายได้อย่างละเอียด วัดผลได้ชัดเจนแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถปรับแต่งโฆษณาให้ได้ประสิทธิภาพ

8. วิธีการเริ่มต้นใช้งาน Google Ads สำหรับ SEM

หากต้องการเริ่มต้นทำ SEM ด้วย Google Ads ควรทำตามขั้นตอนเบื้องต้นต่อไปนี้:

  1. สมัครบัญชี Google Ads: เริ่มต้นด้วยการสมัครใช้งานโดยใช้บัญชี Gmail ในการสมัครเข้าใช้งาน การเปิดบัญชีไม่มีค่าใช้จ่าย และการชำระค่าโฆษณา สามารถทำได้หลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต ทรูมันนี่วอลเล็ต เป็นต้น และตั้งค่าข้อมูลพื้นฐาน
  2. กำหนดเป้าหมายโฆษณา: เลือกเป้าหมายหลัก เช่น การเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ หรือการสร้างยอดขาย แนะนำให้เลือกการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อเน้นจำนวนคลิก ในกรณีที่เริ่มทำโฆษณาครั้งแรก
  3. เลือกประเภทโฆษณาและคีย์เวิร์ด: เลือกประเภทโฆษณาให้เหมาะสมและทำการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง แนะนำให้ศึกษาชนิดของคีย์เวิร์ดเพิ่มเติม เพื่อเลือกใช้คีย์เวิร์ดได้เหมาะสม
  4. ตั้งงบประมาณและการประมูล: กำหนดงบประมาณรายวันและเลือกวิธีการประมูลที่เหมาะสม
  5. สร้างเนื้อหาโฆษณา: เขียนเนื้อหาโฆษณาที่น่าสนใจและตรงประเด็น รูปแบบโฆษณาแสดงเป็นตัวอักษร โดยสามารถเขียนข้อความได้หลากหลายแบบ ที่เรียกว่า Responsive Search Ads ซึ่งระบบจะเลือกใช้ข้อความนำมาผสมกัน
  6. ติดตามและวัดผลลัพธ์: ใช้เครื่องมือใน Google Ads เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น

สรุปภาพรวมการทำ SEM คืออะไร

การทำ SEM โดยเฉพาะการใช้ Google Ads เป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างรวดเร็วและตรงเป้าหมาย ทั้งนี้การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม การประมูลราคา และการติดตามวัดผลลัพธ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SEM ประสบความสำเร็จ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็ว ไม่อยากรอการทำ SEO เพื่อติดอันดับ เพราะใช้เวลานาน เช่น การออกสินค้าใหม่ การทำโปรโมชั่นในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นต้น

เกี่ยวกับเรา: เราคือ SMEJUMP เอเจนซี่โฆษณาออนไลน์ ช่วยธุรกิจไทยเติบโตบนโลกออนไลน์ เราให้บริการครบวงจร ได้รับตำแหน่ง Premier Google Partner ประจำประเทศไทย

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

คุยกับเราทางไลน์

เพิ่มเพื่อน

ข้อมูลบริษัท

บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

Email: contact@smejump.com

Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

LINE : @smejump

จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ