พฤติกรรมการค้นหาบน Google ปี 2025

พฤติกรรมการค้นหาบน Google Search

เมื่อ AI เข้ามาเปลี่ยนโลกของการค้นหา การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการค้นหาในยุค AI

ในอดีต การค้นหาข้อมูลบน Google มักจะเริ่มต้นด้วยคำสั้น ๆ เช่น “ร้านกาแฟเชียงใหม่” หรือ “เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว” ซึ่งเพียงพอสำหรับให้ Google แสดงผลลัพธ์ที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ในปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้ใช้งานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จากการพิมพ์คำสั้น ๆ ไปสู่การใช้ประโยคที่ยาวขึ้น มีความซับซ้อนมากขึ้น และเต็มไปด้วยบริบททางอารมณ์ ความตั้งใจ และสถานการณ์เฉพาะตัว

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการที่ผู้ใช้งานเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยี AI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Google Gemini หรือ Google Assistant ซึ่งช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสื่อสารกับเครื่องจักรให้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น และทำให้การค้นหาข้อมูลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการค้นหาบน Google

1. การค้นหาด้วยประโยคยาวและซับซ้อน

ผู้คนเริ่มใช้ประโยคที่เต็มไปด้วยบริบท แทนที่จะใช้คำค้นธรรมดา เช่น จากเดิมที่ถามว่า “เที่ยวญี่ปุ่น” กลายเป็น “อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวกับแฟน 5 วัน มีเมืองไหนแนะนำที่คนไม่เยอะบ้าง?” คำถามลักษณะนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำค้นหาเท่านั้น แต่เป็นการถ่ายทอดความต้องการเฉพาะที่ AI ต้องเข้าใจ

การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกร้องให้ระบบค้นหาไม่เพียงแต่จับ keyword ได้ถูกต้อง แต่ต้องสามารถตีความเจตนา (intent) ของผู้ค้นหาได้อย่างแม่นยำ

2. การค้นหาด้วยเสียง

ด้วยความสะดวกและความเคยชินกับการใช้ผู้ช่วยเสียงอย่าง Google Assistant ทำให้การค้นหาด้วยเสียงกลายเป็นเรื่องธรรมดา เช่น การพูดว่า “เฮ้ Google ร้านข้าวมันไก่ที่เปิดตอนนี้อยู่ไหนบ้าง?” นั้นแฝงไปด้วยบริบทของเวลา (“ตอนนี้”) และสถานที่ (“แถวนี้”) ที่ระบบต้องวิเคราะห์ให้เข้าใจ

3. การค้นหาด้วยภาพ (Visual Search)

Google Lens เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลจากภาพได้ เช่น ถ่ายรูปเมนูอาหารแล้วถามว่าเมนูนั้นคืออะไร หรือถ่ายรูปโซฟาในห้างแล้วถามว่ามีร้านไหนขายของคล้ายกันบ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การค้นหาไม่ได้อิงอยู่กับตัวอักษรเสมอไปอีกต่อไป

4. การค้นหาแบบผสมผสาน (Multimodal Search)

พฤติกรรมการค้นหาที่ผสมผสานทั้งภาพ เสียง และข้อความ กำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ใช้อาจถ่ายรูปปลั๊กไฟที่ไหม้ พร้อมพิมพ์คำถามว่า “อันนี้คือปลั๊กที่บ้านที่มันไหม้แบบนี้ ต้องเปลี่ยนอะไรรึเปล่า?” ซึ่งระบบค้นหาจะต้องมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจากหลายรูปแบบพร้อมกัน เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้อย่างครบถ้วน

บทบาทของ AI Max ใน Google Search Ads

เมื่อพฤติกรรมของผู้ค้นหาเปลี่ยนไปอย่างมาก Google จึงได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า “AI Max” ซึ่งเป็นฟีเจอร์ในระบบ Google Search Ads ที่ใช้ AI ขั้นสูงในการเข้าใจบริบท ความตั้งใจ และสัญญาณที่หลากหลายจากผู้ใช้

ความสามารถของ AI Max

AI Max ไม่ได้ใช้การจับ keyword แบบเดิมอีกต่อไป แต่จะใช้วิธีการวิเคราะห์แบบเจาะลึก เช่น:

• วิเคราะห์เจตนาเบื้องหลังคำค้น
• พิจารณาบริบท เช่น เวลา สถานที่ ประวัติการค้นหา
• ตรวจจับลักษณะการถามว่าเป็นภาษาพูดหรือไม่
• วิเคราะห์รูปภาพที่แนบมาในการค้นหา

ผลลัพธ์คือ ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานที่มีความต้องการที่หลากหลาย แม้ไม่ได้ใช้คำค้นแบบเป๊ะ ๆ เช่น ถ้ามีผู้ค้นหาว่า “อยากเรียนสักคิ้วแบบดารา ใครมีแนะนำบ้าง?” โฆษณาของผู้ให้บริการสักคิ้วก็สามารถปรากฏได้ แม้จะไม่ได้ตั้ง keyword ว่า “เรียนสักคิ้ว” ก็ตาม

ประโยชน์ของการใช้ AI Max สำหรับผู้ลงโฆษณา

1. ไม่ต้องเดา keyword ล่วงหน้า

AI Max สามารถแมตช์โฆษณากับคำค้นหาได้โดยไม่จำเป็นต้องระบุ keyword อย่างละเอียด ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาประหยัดเวลาในการวางแผนคำค้น และยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำยิ่งขึ้น

2. แสดงผลในพื้นที่ใหม่ ๆ อย่าง AI Overview

AI Max ช่วยให้โฆษณาของคุณสามารถแสดงผลในหน้า AI Overview ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สรุปโดย AI เมื่อมีผู้ค้นหาด้วยคำถามที่ซับซ้อน เช่น “อยากเปิดร้านกาแฟในเชียงใหม่ ต้องเตรียมงบเท่าไหร่?” โฆษณาของคุณอาจปรากฏพร้อมกับบทความ AI ทำให้มีโอกาสได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

3. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช้วิธีค้นหาใหม่

ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ มักใช้วิธีค้นหาที่หลากหลาย เช่น ใช้เสียง ใช้ภาพ หรือถามแบบภาษาพูด ซึ่งหากยังยึดติดกับ keyword แบบเดิม อาจทำให้พลาดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้

สรุป: พฤติกรรมการค้นหาบน Google Search

การค้นหาข้อมูลใน Google กำลังเปลี่ยนจากการพิมพ์คำสั้น ๆ ไปสู่การสื่อสารที่เต็มไปด้วยเจตนา ความซับซ้อน และบริบทเฉพาะตัว AI Max เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมใหม่ของผู้ใช้งาน โดยการใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง เพื่อให้โฆษณาเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจ การเข้าใจและปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมการค้นหาใหม่ ๆ นี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดในโลกดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างแท้จริง

เกี่ยวกับ SMEJUMP

SMEJUMP คือผู้เชี่ยวชาญด้านทำโฆษณา Google Ads ที่ได้รับการรับรองจาก Google โดยตรงในฐานะ Premier Google Partner เราช่วยให้ธุรกิจ SME และองค์กรทุกระดับเติบโตในโลกออนไลน์ผ่านบริการด้าน Google Ads, SEO, Social Media Marketing และ Data Analytics อย่างครบวงจร