กลยุทธ์การตลาดกาแฟพันธ์ุไทย

จากร้านกาแฟเล็กในปั๊มน้ำมันสู่แบรนด์ผู้นำตลาด

กลยุทธ์การตลาดกาแฟพันธ์ุไทย

จากร้านกาแฟเล็กในปั๊มน้ำมันสู่แบรนด์ผู้นำตลาด

ในระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา “กาแฟพันธุ์ไทย” ได้กลายเป็นตัวอย่างอันชัดเจนของการเติบโตอย่างมีกลยุทธ์ของแบรนด์ท้องถิ่น ที่สามารถขยับจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ไปสู่การเป็นแบรนด์กาแฟสัญชาติไทยที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด แข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง Cafe Amazon และ Inthanin ได้อย่างน่าทึ่ง ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางแผน การใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งด้วยรากฐานของวัฒนธรรมไทย


จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง: การวางจุดยืนของแบรนด์อย่างชัดเจน

ความเป็นไทยที่ทันสมัยและมีเสน่ห์

ตั้งแต่เริ่มต้น กาแฟพันธุ์ไทยไม่ได้วางตัวเป็นเพียงร้านกาแฟทั่วไป แต่เลือกวางตำแหน่งแบรนด์อย่างชัดเจนในฐานะ “กาแฟไทยแท้ที่ทันสมัย” สโลแกน “เข้ม เท่ จริงใจ แบบไทยแท้ๆ” ไม่ใช่แค่คำโปรยทางการตลาด แต่สะท้อนผ่านองค์ประกอบต่างๆ อย่างครบวงจร เช่น โลโก้ที่ประกอบด้วยช้างไทย ศาลาไทย และดอกราชพฤกษ์ ไปจนถึงการตกแต่งร้านที่ใช้วัสดุไม้และเหล็กสื่อถึงความเรียบง่ายและความร่วมสมัยในแบบไทย

ร้านแรกในปั๊ม PT: การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของบริษัทแม่

สาขาแรกของกาแฟพันธุ์ไทยเริ่มต้นในปี 2555 ที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT โดยอิงจากทรัพยากรของบริษัทแม่อย่าง PTG Energy แบรนด์สามารถลดต้นทุนค่าเช่าและใช้ประโยชน์จากการมีลูกค้าปั๊มน้ำมันเป็นฐานลูกค้าแรก การวางตำแหน่งนี้ไม่เพียงแค่ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้แบรนด์สามารถทดลองระบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้


กลยุทธ์การขยายตัวเชิงรุก: สู่เป้าหมาย 5,000 สาขา

การใช้ระบบแฟรนไชส์อย่างมีประสิทธิภาพ

กาแฟพันธุ์ไทยใช้โมเดลแฟรนไชส์เป็นกลไกหลักในการเร่งขยายธุรกิจ โดยมีรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่:

  • Kiosk: ขนาด 9 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 1.3 ล้านบาท ระยะเวลาคืนทุน 13 เดือน
  • Built-In: ขนาด 35 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท คืนทุน 17 เดือน
  • Stand Alone: ลงทุน 2.5 ล้านบาท คืนทุนเฉลี่ยภายใน 24 เดือน

แบรนด์ยังเปิดเผยข้อมูลต้นทุน กำไรต่อแก้ว และข้อมูลการคืนทุนอย่างโปร่งใส ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนและแฟรนไชส์ซี

เป้าหมายการเติบโต

บริษัทตั้งเป้าหมายขยายสาขาให้ได้ถึง 5,000 สาขาภายในปี 2570–2571 จากจำนวนกว่า 1,300 สาขาในปัจจุบัน โดยคาดว่า 80% ของสาขาในอนาคตจะเป็นแฟรนไชส์ เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจแบบ Asset-Light ที่เน้นการขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่ใช้เงินทุนจากบริษัทโดยตรงทั้งหมด


การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและฐานลูกค้าเดิม

บัตรสมาชิก Max Card และการทำ Personalization

กาแฟพันธุ์ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลของสมาชิก Max Card ที่มีอยู่กว่า 19 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงพลังในการทำการตลาดแบบเจาะจง (Targeted Marketing) เช่น:

  • โปรโมชั่นซื้อ 10 แก้วลด 50%
  • สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Max Card Plus

ข้อมูลลูกค้าเหล่านี้ช่วยให้สามารถออกแบบแคมเปญที่ตรงกลุ่มและวัดผลได้อย่างแม่นยำ ต่างจากแบรนด์ที่ต้องใช้สื่อมวลชนแบบกว้างเพื่อสร้างการรับรู้


การตลาดที่ตรงจุด: การสื่อสารกับผู้บริโภครุ่นใหม่

การใช้พรีเซ็นเตอร์ตรงกลุ่มเป้าหมาย

กาแฟพันธุ์ไทยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คู่แรกในรอบ 12 ปีคือ คัลแลน-พี่จอง ซึ่งสามารถสร้างกระแสไวรัลในกลุ่ม Gen Z ได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มยอดขายในกลุ่มอายุน้อยได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่าการวางกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์และผู้มีอิทธิพลออนไลน์มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ความร่วมมือแบบ Cross-branding

แบรนด์ยังร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ เช่น กระทิงแดง เพื่อเปิดตัวเมนูใหม่ๆ อย่าง “ทิงซ่าโดดกำแพง” หรือ “กำลังช้างสาว” ซึ่งเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและผู้บริโภคที่ต้องการพลังงานอย่างตรงจุด


การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

เมนูที่เชื่อมโยงกับชุมชน

กาแฟพันธุ์ไทยเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศและเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่น เช่น:

  • “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ”: ใช้ข้าวโพดอินทรีย์จากไร่สุวรรณ พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • “กาแฟโตนด”: ใช้น้ำตาลโตนดจากสงขลา
  • “จี๊ดกาแฟ”: ใช้ส้มมะปี๊ดจากจันทบุรี

นอกจากเรื่องรสชาติ เมนูเหล่านี้ยังขายเรื่องราว สร้างความภูมิใจในวัตถุดิบไทย ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น


ภูมิทัศน์การแข่งขัน: การไล่บี้แบรนด์ใหญ่

การเจาะตลาดที่มีการแข่งขันสูง

ตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท และมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Cafe Amazon (กว่า 4,000 สาขา) และ Inthanin (กว่า 1,000 สาขา) กาแฟพันธุ์ไทยกำลังเติบโตในอัตราเฉลี่ยปีละ 800-1,000 สาขา และหากเป็นไปตามแผน จะสามารถแซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในไม่เกิน 3 ปี

การวางตัวในตลาดแบบ “Underdog” ที่มีการเติบโตอย่างรุนแรง ทำให้กาแฟพันธุ์ไทยมีโอกาสชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งผ่านการเข้าถึงทำเลใหม่ๆ และการสร้างการรับรู้แบรนด์ที่เข้าถึงง่าย


วิสัยทัศน์ในอนาคตและความยั่งยืน

การเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO)

กาแฟพันธุ์ไทยมีแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ เพื่อขยายสาขา ลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีการบริหารจัดการ

แนวคิดรักษ์โลกสำหรับคนรุ่นใหม่

แบรนด์ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ในการเป็น “กาแฟรักษ์โลก” ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนเกษตรกรในภาคเหนือ รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ Non-Beverage และ Specialty Coffee ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่


บทสรุป: กลยุทธ์การตลาดกาแฟพันธ์ุไทย

กาแฟพันธุ์ไทยเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของแบรนด์ท้องถิ่นที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ด้วยการวางแผนเชิงกลยุทธ์:

  • เริ่มต้นจากจุดแข็งของบริษัทแม่ (PTG)
  • ใช้แฟรนไชส์เป็นเครื่องมือขยายธุรกิจ
  • สร้างอัตลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทย
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์จากชุมชนและวัตถุดิบในประเทศ
  • ใช้ข้อมูลสมาชิกและระบบการตลาดแบบเจาะจงเพื่อเพิ่มยอดขาย

จากการที่รายได้เติบโตจาก 362 ล้านบาทในปี 2562 ไปสู่มากกว่า 3,000 ล้านบาทในปี 2568 พร้อมกำไรสุทธิถึง 292 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงพลังของการบริหารจัดการที่มีวิสัยทัศน์ และอาจทำให้กาแฟพันธุ์ไทยกลายเป็นแบรนด์กาแฟอันดับ 1 ของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้


เกี่ยวกับ SMEJUMP

SMEJUMP คือผู้ให้บริการการตลาดออนไลน์ครบวงจร ที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ การยิงโฆษณาแบบเจาะจง การออกแบบแคมเปญ การสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อวางกลยุทธ์การเติบโตในยุคดิจิทัล โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสายงาน ไม่ว่าจะเป็น Digital Marketing, SEO, Data Analytics, Branding และ Creative Design

แจก E-book Google VS Facebook ฟรี!!!

เพียงส่งโค้ดในหน้าเว็บนี้เข้ามาที่ไลน์

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: contact@smejump.com

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ