10 กลยุทธ์คอนเทนต์สำหรับปีใหม่ 2569

ภาพรวมพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่

พฤติกรรมผู้บริโภคไทยช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 เริ่มเปลี่ยนจากการซื้อของตามราคา ไปสู่การเลือกประสบการณ์ที่ตรงใจ คนไทยยังพร้อมเฉลิมฉลองแม้มีแรงกดดันด้านการเงิน เพราะเทศกาลคือช่วงเวลาที่ให้ความสุข แบรนด์จึงต้องปรับกลยุทธ์จากการลดราคาอย่างเดียว มาเน้นคอนเทนต์ที่ให้ประสบการณ์ มีความหมาย และเชื่อมโยงกับอารมณ์

แพลตฟอร์มหลักที่มีบทบาทสำคัญ

• TikTok: กลายเป็นศูนย์กลางของ Shoppertainment คนดูคอนเทนต์แล้วซื้อของทันที คอนเทนต์ต้องสั้น กระชับ และน่าสนใจตั้งแต่ไม่กี่วินาทีแรก
• Meta (Facebook/IG): ภาพนิ่งและวิดีโอ Reels ยังได้ผลดี โพสต์ที่ใช้ภาพมี Engagement สูงขึ้นถึง 650%
• LINE OA: การส่งข้อความแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ผลดีกว่ามาก ทั้งอัตราการเปิดอ่านและคลิก โดยเฉพาะเมื่อติดต่อกับลูกค้าเก่าหรือลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ยิ่งรู้จักลูกค้าชัด ยิ่งสื่อสารได้ตรงใจ และมีแนวโน้มสร้าง Conversion ได้สูงกว่าการยิงแบบหว่าน

บทบาทของ AI กับการทำคอนเทนต์แบบเจาะจง

AI ช่วยให้แบรนด์สร้างคอนเทนต์ได้เร็วขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์แบบ Personalization ที่ตอบสนองความสนใจเฉพาะบุคคลได้ดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรับให้เนื้อหา ภาพ และวิดีโอยังคงดูเป็นธรรมชาติและมีความเป็นมนุษย์ เพราะถ้าคอนเทนต์ดูเหมือนมาจาก AI จะลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และดึงดูดความสนใจได้น้อยลง การใช้ AI อย่างเหมาะสมจึงควรเป็นการช่วยเสริม ไม่ใช่แทนที่มนุษย์ในการเล่าเรื่อง

---

แนวคอนเทนต์ ที่แบรนด์ใหญ่ใช้

1. Relatable Storytelling

เล่าเรื่องที่คนดูรู้สึกอินและเกี่ยวข้อง เช่น ความผูกพันในครอบครัว ความหวังปีใหม่ หรือบทเรียนจากปีที่ผ่านมา ใช้เรื่องจริงหรือประสบการณ์ตรง ถ่ายทอดผ่านวิดีโอหรือบทความที่มีอารมณ์ร่วม

2. Nano & Micro-Influencer Driven

การเลือก Influencer ที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของ Conversion ในช่วงเทศกาล หากแบรนด์ยังไม่มีทีมภายในที่เชี่ยวชาญ การทำงานร่วมกับ บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ที่มีประสบการณ์จะช่วยวางแผนและคัดเลือก Influencer ได้แม่นยำขึ้น

ใช้ Influencer ที่ผู้ติดตามที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะกลุ่มผู้ติดตามเหล่านี้เข้าถึงง่าย และมีความไว้ใจในตัว Influencer ซึ่งทำให้คอนเทนต์ที่นำเสนอน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะคนที่เคยใช้สินค้าจริง พร้อมผูกเข้ากับระบบ Affiliate เพื่อวัดผลได้ชัดเจน

3. Shoppertainment & Live Commerce

การไลฟ์ขายสินค้าและวิดีโอสั้นที่มี Call-to-Action ชัดเจนควรออกแบบให้ตรงกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย หากเน้นกลุ่มที่ใช้ Facebook หรือ Instagram เป็นหลัก การร่วมงานกับ บริษัททำ Facebook Ads เพื่อออกแบบคอนเทนต์แบบยิงแอดควบคู่จะช่วยขยาย Reach ได้ดียิ่งขึ้น

วิดีโอสั้นและไลฟ์ควรออกแบบให้ดูสนุก น่าสนใจ และมีจุดขายที่ชัดเจน พร้อมแนบ Call-to-Action ที่ใช้งานง่าย เช่น ปุ่มกดซื้อทันทีหรือปัดขึ้นดูรายละเอียด เมื่อคอนเทนต์เชื่อมต่อกับฟีเจอร์บน TikTok หรือแพลตฟอร์มอื่นที่ลูกค้าใช้งานอยู่บ่อย จะช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. Cultural Immersion & Omnichannel Experience

เชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยกับคอนเทนต์ให้มากขึ้น เช่น เทศกาลโคมไฟ การแสดงท้องถิ่น ผสมกับเทคโนโลยีอย่าง AR หรือกิจกรรมในห้างเพื่อให้ประสบการณ์เชื่อมกัน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

5. Gamification & Interactive Campaigns

แคมเปญแบบเล่นเกม เช่น เขย่าชิงโชค สแกน QR Code หรือลุ้นของรางวัล เพิ่มทั้งความสนุกและการมีส่วนร่วม พร้อมเก็บข้อมูลลูกค้าแบบแนบเนียน

6. Hyper-Personalized Content

เมื่อแบรนด์ใช้ข้อมูลลูกค้ามาช่วยกำหนดคอนเทนต์เฉพาะบุคคล การวางระบบยิงโฆษณาแบบเฉพาะกลุ่มก็มีบทบาทสำคัญ แบรนด์ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนควรพิจารณาร่วมมือกับ บริษัททำ Google Ads เพื่อให้โฆษณาถูกแสดงในช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายกำลังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ใช้ข้อมูลลูกค้าให้เกิดประโยชน์ เช่น ส่งข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคลผ่าน LINE OA หรือ Email ที่รู้ว่าเขาเคยซื้อหรือสนใจอะไร เน้นการใช้ AI เข้ามาช่วยในสร้างคอนเทนต์ให้ตรงจุด ในรูปแบบหลายเวอร์ชันสำหรับเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช้คอนเทนต์แบบหว่าน

7. Value-Added Promotions & Incentive

โปรโมชั่นที่ให้มากกว่าการลดราคา เช่น ส่ง E-Voucher ให้ลูกค้าเก่าหรือกลุ่มที่เคยซื้อซ้ำ เพื่อแสดงความขอบคุณและกระตุ้นการกลับมาซื้ออีกครั้ง หรือการแลกแต้มสะสมกับบริการที่มีประโยชน์จริงช่วงปีใหม่ เช่น ประกันภัยการเดินทาง ตรวจเช็กสภาพรถ หรือบริการทำความสะอาดบ้านก่อนปีใหม่ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกันที่เสนอกรมธรรม์พิเศษเฉพาะลูกค้าเก่าที่มีประวัติดี หรือร้านค้าปลีกที่ให้ส่วนลดเฉพาะกลุ่มสมาชิกเดิมในช่วงเวลาจำกัด

8. Localized Content & Regional Strategy

ใช้ครีเอเตอร์ท้องถิ่น หรือทำคอนเทนต์ที่สะท้อนความเป็นแต่ละจังหวัด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคได้จริง แบรนด์ควรเข้าใจบริบทและไลฟ์สไตล์ในแต่ละพื้นที่

9. Year-End Recap & Future Commitment

สรุปผลงานของแบรนด์ในปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศแผนหรือเป้าหมายปีหน้า เช่น วิดีโอจากผู้บริหารหรือพนักงาน ช่วยสร้างความมั่นใจ โปร่งใส และรู้สึกว่าแบรนด์มีทิศทางที่น่าติดตาม

10. Utility & Knowledge-Sharing

คอนเทนต์ที่มีประโยชน์ เช่น ทริปปีใหม่, เพลงช่วงเทศกาล, หรือ How-to ใช้สินค้าแบบเร็วๆ บน TikTok ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ชอบอะไรสั้น กระชับ และใช้ได้จริง อีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้รับความนิยมคือ คอนเทนต์แนวตั้งเป้าหมายปีใหม่ (New Year’s Resolution) เช่น “เป้าหมาย 3 ข้อของฉันในปี 2569” หรือ “เริ่มต้นปีใหม่ด้วยนิสัยดี ๆ” ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ดึงดูด ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็น แชร์ และบันทึกไว้ดูซ้ำ แบรนด์สามารถใช้แนวนี้เพื่อเสนอสินค้า/บริการที่สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้บริโภค เช่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย แพลนเนอร์ หรือคอร์สพัฒนาตนเอง โดยไม่ต้องขายตรง แต่ช่วยให้แบรนด์อยู่ในใจเมื่อผู้ชมกำลังเริ่มวางแผนชีวิต

---

โฟกัส 3 เรื่องหลักในการทำคอนเทนต์

นอกจากนี้ แนวทางการทำคอนเทนต์ ควรโฟกัส 3 เรื่องหลักคือ การปรับให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม การเลือก Influencer ที่วัดผลได้ และการใช้ข้อมูล Insight เป็นแกนหลักในการวางแผน ทั้ง 3 ข้อนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำคอนเทนต์ที่ตรงกลุ่มและมีประสิทธิภาพ

• เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีธรรมชาติไม่เหมือนกัน เช่น TikTok เหมาะกับวิดีโอเร็วที่กระตุ้นการซื้อในทันที ขณะที่ LINE ใช้ส่งข้อเสนอเฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด หากไม่ปรับตาม จะเสียโอกาสในการสื่อสารให้ตรงเวลา
• การเลือก Influencer แบบวัดผลได้ ทำให้รู้ว่าแคมเปญให้ผลลัพธ์จริงหรือไม่ ไม่ใช่แค่สร้างยอดวิวหรือไลก์ ตัวอย่างเช่น ใช้ Micro Influencer ที่มีกลุ่มติดตามตรงกับสินค้านั้นจริง ๆ แล้วให้ Affiliate Link เพื่อวัด Conversion
• Insight คือหัวใจของคอนเทนต์ที่โดนใจ เพราะช่วยให้รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร เช่น ถ้าข้อมูลบอกว่ากลุ่มลูกค้าเริ่มสนใจสุขภาพช่วงต้นปี แบรนด์อาจวางแผนปล่อยคอนเทนต์ New Year’s Resolution ร่วมกับสินค้าสุขภาพหรือฟิตเนส โดยไม่ต้องโฆษณาแบบตรงตัว แต่ให้คนรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขา