ประเภทของ Keyword ในการทำ Google Ads

ประเภทของ Keyword ในการทำ Google Ads ซึ่งมีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ Broad Match, Phrase Match และ Exact Match แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร และควรใช้เมื่อไหร่ เราจะมาดูกัน

1. Broad Match

Broad Match เป็นประเภทของ Keyword ที่กว้างที่สุด ซึ่งหมายความว่าโฆษณาของคุณจะแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำหลักที่คุณกำหนดไว้ หรือคำหลักที่คล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณกำหนด Keyword ว่า “รองเท้าวิ่ง” โฆษณาของคุณอาจแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่ง”, “รองเท้ากีฬา”, “รองเท้าออกกำลังกาย” เป็นต้น

ข้อดีของ Broad Match คือคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การคลิกและการแปลงที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ Broad Match คือโฆษณาของคุณอาจแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำหลักที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง

2. Phrase Match

Phrase Match เป็นประเภทของ Keyword ที่แคบลงมาจาก Broad Match ซึ่งหมายความว่าโฆษณาของคุณจะแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำหลักที่คุณกำหนดไว้ หรือคำหลักที่คล้ายคลึงกันในรูปแบบวลี ตัวอย่างเช่น หากคุณกำหนด Keyword ว่า “รองเท้าวิ่งผู้ชาย” โฆษณาของคุณอาจแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่งผู้ชาย”, “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้ชาย”, “รองเท้าวิ่งไซส์ใหญ่ผู้ชาย” เป็นต้น

ข้อดีของ Phrase Match คือคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แคบลงกว่า Broad Match ซึ่งอาจนำไปสู่การคลิกและการแปลงที่มีคุณภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ Phrase Match คือคุณอาจพลาดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มที่ค้นหาคำหลักที่ไม่ตรงกับวลีที่คุณกำหนดไว้

3. Exact Match

Exact Match เป็นประเภทของ Keyword ที่แคบที่สุด ซึ่งหมายความว่าโฆษณาของคุณจะแสดงเฉพาะเมื่อมีคนค้นหาคำหลักที่คุณกำหนดไว้ตรงตัวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณกำหนด Keyword ว่า “รองเท้าวิ่ง Nike” โฆษณาของคุณจะแสดงเฉพาะเมื่อมีคนค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่ง Nike” เท่านั้น

ข้อดีของ Exact Match คือคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แคบลงที่สุด ซึ่งอาจนำไปสู่การคลิกและการแปลงที่มีคุณภาพสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ Exact Match คือคุณอาจพลาดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มที่ค้นหาคำหลักที่ไม่ตรงกับคำหลักที่คุณกำหนดไว้

สรุป

ประเภทของ Keyword ในการทำ Google Ads มีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ Broad Match, Phrase Match และ Exact Match แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร และควรใช้เมื่อไหร่ เราได้สรุปไว้ให้แล้วดังนี้

– Broad Match: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างที่สุด แต่โฆษณาอาจแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำหลักที่ไม่เกี่ยวข้อง

– Phrase Match: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แคบลงกว่า Broad Match แต่โฆษณาอาจพลาดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มที่ค้นหาคำหลักที่ไม่ตรงกับวลีที่กำหนดไว้

– Exact Match: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แคบลงที่สุด แต่โฆษณาอาจพลาดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มที่ค้นหาคำหลักที่ไม่ตรงกับคำหลักที่กำหนดไว้