เลือกแพลตฟอร์มยิงแอดอย่างไร

เลือกแพลตฟอร์มยิงแอดอย่างไรให้ตรงเป้า: คู่มือสำหรับธุรกิจออนไลน์ในไทย

เลือกแพลตฟอร์มยิงแอดอย่างไร

เลือกแพลตฟอร์มยิงแอดอย่างไรให้ตรงเป้า: คู่มือสำหรับธุรกิจออนไลน์ในไทย

สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการยอดขายเร็ว หรือกำลังเผชิญกับยอดขายที่ตก การยิงแอดถือเป็นวิธีที่ได้ผลไวที่สุดและเป็นแผนระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพ แต่คำถามสำคัญที่บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์มักได้รับจากลูกค้าคือ “ควรเลือกแพลตฟอร์มยิงแอดที่ไหนดี” บทความนี้จะช่วยตอบคำถามดังกล่าว พร้อมข้อมูลราคาโฆษณาเฉลี่ยในตลาดไทยเพื่อช่วยในการตัดสินใจ

ทำไมต้องยิงแอดเมื่อต้องการผลลัพธ์เร็ว

การสร้างคอนเทนต์และทำ SEO แม้จะได้ผลดีในระยะยาว แต่ต้องใช้เวลาและผลลัพธ์ไม่แน่นอน บางคีย์เวิร์ดอาจติดอันดับได้ แต่ก็อาจตกอันดับได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้าม การยิงแอดเป็นวิธีเดียวที่สามารถนำเงินไปแลกกับยอดขายได้แบบทันที โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต้องหาลูกค้าใหม่ภายในระยะเวลาอันจำกัด

อย่างไรก็ตาม การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดว่าเงินที่ลงทุนไปจะคุ้มค่าหรือไม่

การยิงแอดมีกี่แบบ

ในปัจจุบัน การยิงแอดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ที่มีกลไกและข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน

1. โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Ads)

โฆษณาประเภทนี้จะแสดงบนฟีดของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok หรือ YouTube ขณะที่พวกเขากำลังเลื่อนดูคอนเทนต์

ข้อดี:

  • ราคาต่อการเข้าถึงต่ำกว่า ด้วยงบประมาณเท่ากัน สามารถเข้าถึงคนได้มากกว่า Google Ads
  • การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียด เลือกได้ตามเพศ อายุ ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรม
  • เหมาะกับสินค้าที่ขายด้วยภาพหรือวิดีโอ อัลกอริธึมของแพลตฟอร์มสามารถจับกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำโดยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้

ราคาโฆษณาเฉลี่ยในไทย (จากการเก็บข้อมูลของปี 2024):

  • Facebook Ads: CPM (ต้นทุนต่อ 1,000 ครั้งการแสดงผล) เฉลี่ย 110 บาท, CPV (ต้นทุนต่อการดูวิดีโอ) เฉลี่ย 3.94 บาท
  • LINE Ads: CPM เฉลี่ยเพียง 15 บาท, CPV เฉลี่ย 1.22 บาท (ต้นทุนต่ำที่สุดแต่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายไม่ละเอียดเท่า)
  • Instagram Ads: ราคาใกล้เคียง Facebook เนื่องจากใช้ระบบโฆษณาเดียวกัน
  • TikTok Ads: ราคาแข่งขันได้ แต่ขึ้นอยู่กับประเภทโฆษณาและกลุ่มเป้าหมาย

ข้อเสีย:

  • Intent หรือความตั้งใจซื้อต่ำกว่า ผู้ชมอาจไม่ได้กำลังมองหาสินค้าหรือบริการของคุณ แค่เลื่อนฟีดแล้วเจอโฆษณา
  • ต้องใช้กลยุทธ์การปิดการขายที่มีระบบ เช่น การยิงแอดแบบหลายชั้น (Retargeting) หรือการนำเสนอโปรโมชั่นที่ชัดเจนและเร่งเร้าด้วยเวลาจำกัด

2. โฆษณาบน Google Search

โฆษณาประเภทนี้จะแสดงเมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบน Google Search

ข้อดี:

  • Intent สูง คนที่เห็นโฆษณามีความต้องการอยู่แล้ว เช่น ผู้ที่ค้นหา “ซ่อมแอร์ด่วน บางนา” มีโอกาสสูงที่จะคลิกและติดต่อทันที
  • พร้อมซื้อพร้อมใช้บริการ ผู้ค้นหาแค่หาผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือเพื่อตัดสินใจ
  • อัตราการคอนเวอร์ชั่นสูง ข้อมูลจากการศึกษาในตลาดไทยชี้ว่า Google Ads มีอัตราการแปลง (Conversion Rate) เฉลี่ย 2.13% และต้นทุนต่อคอนเวอร์ชั่นเฉลี่ย 349 บาท

ราคาโฆษณาเฉลี่ยในไทย:

  • CPC (Cost Per Click) หรือต้นทุนต่อคลิก ขึ้นอยู่กับความนิยมของคีย์เวิร์ดและการแข่งขันในตลาด
  • ธุรกิจที่มีคู่แข่งสูง เช่น รับสร้างบ้าน ประกัน หรือสินค้าอุตสาหกรรม อาจมีค่า CPC สูงถึงหลักร้อยบาทต่อคลิก
  • ค่าเฉลี่ยโดยรวมประมาณ 5-50 บาทต่อคลิก ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม

ข้อเสีย:

  • ราคาแพง โดยเฉพาะในธุรกิจที่การแข่งขันสูง
  • ต้องการระบบหลังบ้านที่ดี เว็บไซต์ต้องมีข้อมูลครบถ้วน โหลดเร็ว และทีมขายต้องปิดการขายได้ หากไม่เช่นนั้นอาจไม่คุ้มค่า

เลือกแพลตฟอร์มอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจ

การเลือกแพลตฟอร์มไม่ควรขึ้นอยู่กับความรู้สึกหรือความเชื่อส่วนตัว แต่ควรพิจารณาจากข้อมูลจริงและทดสอบผลลัพธ์

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: การตัดสินใจด้วยความรู้สึก

บางคนอาจคิดว่า TikTok ไม่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ความจริงคือ กลุ่มผู้ใช้อายุ 35-54 ปีกำลังเติบโตเร็วที่สุดบน TikTok ดังนั้นอย่าตัดสินใจจากความเชื่อเพียงอย่างเดียว

วิธีการเลือกแพลตฟอร์มที่ถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 1: ทดสอบคอนเทนต์แบบออร์แกนิก

  • โพสต์วิดีโอ 10 คลิปบนแต่ละแพลตฟอร์ม (Facebook, Instagram, TikTok)
  • วัดผลว่าแพลตฟอร์มไหนให้ยอดวิวและ Engagement สูงที่สุด
  • เลือกคลิปที่ได้ผลดีที่สุดมาหั่นเป็นเวอร์ชันสั้น 15 วินาที
  • ใส่ Call-to-Action ที่ชัดเจน เช่น “จองภายในวันนี้ รับส่วนลดเพิ่ม 15%”

ขั้นตอนที่ 2: พิจารณาเป้าหมายทางธุรกิจ

  • หากต้องการยอดขายทันที จากคนที่กำลังหา → เลือก Google Ads
  • หากต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือเจาะกลุ่มเฉพาะ → เลือกโซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram, TikTok)
  • หากต้องการความคุ้มค่าสูงสุดในการสร้าง Awareness → พิจารณา LINE Ads

ขั้นตอนที่ 3: ประเมินความพร้อมของธุรกิจ

  • Google Ads เหมาะกับธุรกิจที่มีเว็บไซต์คุณภาพดี และทีมขายที่แข็งแกร่ง
  • โซเชียลมีเดียเหมาะกับธุรกิจที่สินค้าหรือบริการขายง่ายด้วยภาพหรือวิดีโอ

กลยุทธ์ที่ดีที่สุด: ใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน

แทนที่จะเลือกเพียงแพลตฟอร์มเดียว วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการใช้ทั้ง Google Ads และโซเชียลมีเดียร่วมกันเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน เช่น:

  1. ใช้ Google Ads ดักจับคนที่มี Intent สูง กำลังค้นหาอยู่
  2. ใช้โซเชียลมีเดีย สร้างการรับรู้แบรนด์ และทำ Retargeting คนที่เคยเข้าเว็บแต่ยังไม่ซื้อ
  3. ใช้ LINE Ads สำหรับแคมเปญที่ต้องการความคุ้มค่าสูงในการเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก

โอกาสใหม่ในอนาคต: AI Overview บน Google

ปัจจุบัน Google กำลังพัฒนา AI Overview ที่แสดงผลลัพธ์แบบสรุปให้กับผู้ใช้ได้เลย ในอนาคตอาจมีการเปิดให้ยิงแอดในส่วนนี้ได้ ประวัติศาสตร์บอกว่าช่วงแรกๆ ที่มีช่องทางใหม่เปิดให้ยิงแอดมักได้ผลดีที่สุดเพราะราคาถูกและคู่แข่งยังน้อย ดังนั้นผู้ที่ใช้ Google Ads อยู่ควรจับตามองและอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อยิงแอด

นอกจากการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมแล้ว ยังมีข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งอาจทำให้เงินที่ลงทุนไปไม่คุ้มค่า

ไม่มีการติดตาม Conversion

หลายธุรกิจยิงแอดแล้วไม่รู้ว่าลูกค้ามาจากช่องทางไหน ต้นทุนต่อลูกค้าเท่าไหร่ การติดตั้ง Conversion Tracking เช่น Facebook Pixel หรือ Google Analytics 4 เป็นสิ่งจำเป็น เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ปรับแคมเปญให้ได้ผลดีขึ้น

ใช้โฆษณาแบบเดียวกันในทุกแพลตฟอร์ม

คนที่ใช้ TikTok มีพฤติกรรมต่างจากคนที่ใช้ Google Search โฆษณาที่ได้ผลดีบน Facebook อาจไม่ได้ผลเลยบน Google Ads ต้องปรับรูปแบบคอนเทนต์ให้เหมาะกับบริบทของแต่ละแพลตฟอร์ม

กำหนดกลุ่มเป้าหมายกว้างเกินไป

การยิงแอดให้คนทั้งประเทศดูอาจทำให้งบหมดเร็วโดยไม่ได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ ควรเริ่มจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแคบๆ ก่อน เช่น พื้นที่ใกล้ร้าน หรือกลุ่มคนที่เคยโต้ตอบกับเพจ แล้วค่อยขยายวงเมื่อหาสูตรที่ได้ผลแล้ว

ไม่ทดสอบโฆษณาหลายรูปแบบ

การใช้โฆษณาเพียงชุดเดียวอาจไม่ใช่สูตรที่ดีที่สุด ควร A/B Test หลายรูปแบบ ทั้งภาพ ข้อความ และ Call-to-Action เพื่อหาสิ่งที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

ตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องติดตาม

การยิงแอดไม่ใช่แค่กดปุ่ม Launch แล้วรอผล แต่ต้องติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างใกล้ชิด:

สำหรับ Google Ads

  • Click-Through Rate (CTR): อัตราการคลิก ควรอยู่ที่ 3-5% ขึ้นไป
  • Quality Score: คะแนนคุณภาพของโฆษณา ยิ่งสูงยิ่งจ่ายน้อย
  • Cost Per Conversion: ต้นทุนต่อการแปลง ต้องไม่เกิน profit margin ที่คุณมี

สำหรับโซเชียลมีเดีย

  • Engagement Rate: อัตราการมีส่วนร่วม แสดงว่าคนสนใจคอนเทนต์
  • Cost Per Result: ต้นทุนต่อผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น การกดลิงก์ การส่งข้อความ
  • Frequency: ความถี่ในการแสดงโฆษณาต่อคน ไม่ควรเกิน 3-4 ครั้งเพราะจะน่ารำคาญ

แนวทางการใช้งานที่ได้ผลจริง

การเลือกแพลตฟอร์มยิงแอดไม่มีคำตอบที่เหมาะกับทุกธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม ทดสอบผลลัพธ์จริง และปรับกลยุทธ์ตามเป้าหมายทางธุรกิจ

Google Ads เหมาะกับการสร้างยอดขายทันทีจากผู้ที่มีความต้องการสูง แต่ต้องเตรียมงบประมาณที่เพียงพอและระบบหลังบ้านที่ดี ในขณะที่โซเชียลมีเดีย เหมาะกับการสร้างการรับรู้แบรนด์และการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า

การใช้ทั้งสองแบบร่วมกันมักให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะครอบคลุมทั้งคนที่กำลังหาและคนที่อาจสนใจในอนาคต เริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์มที่เหมาะกับธุรกิจมากที่สุด ทดสอบให้เห็นผล แล้วค่อยขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นเมื่อพร้อม

แจก E-book Google VS Facebook ฟรี!!!

เพียงส่งโค้ดในหน้าเว็บนี้เข้ามาที่ไลน์

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!






    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน