Google AI อัปเดตล่าสุด
นวัตกรรมจากเวที Google I/O ที่เปลี่ยนอนาคตของปัญญาประดิษฐ์
Google AI อัปเดตล่าสุด: นวัตกรรมจากเวที Google I/O ที่เปลี่ยนอนาคตของปัญญาประดิษฐ์
ในงาน Google I/O ล่าสุด Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ได้ขึ้นเวทีเพื่อประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการนำ AI มาอยู่ในมือของผู้ใช้โดยเร็วที่สุด ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หลายคนใช้งานอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ Search, Gmail, Android จนถึงแอป Gemini และโซลูชันใหม่อีกมากมาย โดยงาน Google I/O ในปีนี้ เขาเน้นว่าเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะ Google Gemini จะกลายเป็นแกนหลักของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และโมเดล Gemini 2.5 Pro คือหัวใจของการอัปเดตทั้งหมดในครั้งนี้ ซึ่งมีความสามารถเหนือชั้นในทุกด้าน ทั้งการประมวลผล, การเรียนรู้, การสร้างสรรค์ และการให้เหตุผล
ความก้าวหน้าของโมเดล Gemini
Gemini 2.5 Pro: ถือเป็นโมเดล AI ที่ฉลาดที่สุดของ Google ในปัจจุบัน โดย Sundar Pichai พูดไว้บนเวทีว่า Gemini 2.5 Pro ได้ครองอันดับหนึ่งใน LMArena leaderboard ทุกหมวดหมู่ เป็นโมเดลที่รวมเอา LearnLM ซึ่งเป็นโมเดลด้านการศึกษา ทำให้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเรียนรู้ การสาธิตฟีเจอร์ของ Gemini 2.5 Pro แสดงให้เห็นถึงความสามารถขั้นสูง เช่น การเขียนและแก้ไขโค้ดจากภาพร่าง หรือภาพหน้าจอ และการสังเคราะห์เสียงธรรมชาติด้วย Native Audio
Deep Think: เป็นโหมดใหม่ที่เปิดใช้งานใน Gemini 2.5 Pro เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพด้านการคิดวิเคราะห์และการให้เหตุผล โดยใช้เทคนิคการประมวลผลแบบขนานขั้นสูง
Gemini Flash: โมเดลประสิทธิภาพสูงทั้งเร็ว และฉลาด สำหรับการใช้งานทั่วไปในทุกมิติ ทั้งการให้เหตุผล, การจัดการบริบทยาว และการเขียนโค้ด จะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในต้นเดือนมิถุนายน
Gemini Diffusion: เป็นเครื่องมือสร้างแบบจำลองภาพจากข้อความ (text-to-image generation tool) โดยอาศัยเทคนิคการประมวลผลแบบขนาน (parallel generation) ซึ่งเป็นเทคนิคที่เร่งสปีดการประมวลผล ทำให้สามารถสร้างภาพได้เร็วขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับโมเดลก่อนหน้า Gemini Diffusion ออกแบบมาเพื่อใช้ในบริบทที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความหน่วงต่ำ เช่น การสร้างภาพประกอบแบบเรียลไทม์หรือในงานสร้างสรรค์ที่ต้องใช้ความเร็วในการประมวลผล
Imagen 4 และ Veo 3: Imagen 4 คือโมเดลสร้างภาพรุ่นใหม่ที่ให้ภาพสวยงามสมจริง มีรายละเอียดสูง ขณะที่ Veo 3 เป็นโมเดลสร้างวิดีโอที่สามารถสังเคราะห์เสียงประกอบได้โดยตรง เช่น เสียงบทสนทนาและเสียงพื้นหลัง เครื่องมือนี้จะช่วยให้การทำวิดีโอแบบมืออาชีพกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและนักสร้างสรรค์ เนื่องจากสามารถผลิตวิดีโอคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทีมงานหรืออุปกรณ์ระดับโปร
วิสัยทัศน์สำหรับ Gemini App และ Project Astra
Gemini App ถูกวางเป้าหมายให้กลายเป็นผู้ช่วย AI สากล โดยการอัปเกรดผ่าน Project Astra เพิ่มความสามารถในการจดจำ, ควบคุมคอมพิวเตอร์, และการสื่อสารด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติ ผ่านการใช้ Native Audio และระบบความจำขั้นสูง Gemini Live ยังเปิดให้ผู้ใช้แชร์หน้าจอและกล้อง เพื่อให้โมเดลเข้าใจบริบทได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Google ยังได้อัปเดต Gemini App ครั้งใหญ่ให้มีความสามารถเทียบเท่ากับ ChatGPT App ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่นำตลาด AI Assistant บนอุปกรณ์พกพามาอย่างต่อเนื่อง การอัปเดตนี้มีเป้าหมายเพื่อปิดช่องว่างที่ Google เคยตามหลังในแง่ของประสบการณ์ผู้ใช้งานบนมือถือ และเพื่อให้ Gemini กลายเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่แข่งขันได้ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งาน
การเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มด้วย AI
AI Platform Shift: สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ Google โดยนำงานวิจัย AI ที่สะสมมาอย่างยาวนานมาสู่ผลิตภัณฑ์จริง
Google Beam: แพลตฟอร์มวิดีโอคอลแบบใหม่ ที่นำโมเดลวิดีโอ AI มาสร้างประสบการณ์ภาพแบบ 3 มิติจากสตรีม 2 มิติเดิม
Google Meet: เพิ่มฟีเจอร์การแปลคำพูดแบบเรียลไทม์โดยตรง โดยในงาน Google I/O ได้มีการแสดงตัวอย่างของการประชุมระหว่างผู้พูดสองภาษาคือ ภาษาอังกฤษและภาษาสเปน ซึ่งระบบสามารถแปลและแสดงคำบรรยายสดแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การสื่อสารข้ามภาษาราบรื่นและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
Project Mariner: สิ่งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกอนาคตอันใกล้ Project Mariner คือต้นแบบเอเจนต์ AI ที่สามารถโต้ตอบและจัดการงานในเว็บได้ กำลังเริ่มรวมเข้ากับ Chrome, Search และ Gemini ในความเห็นของผม โปรเจกต์นี้จะเป็นผลกระทบครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ใช้งาน Google จะสามารถเข้าถึงความสามารถของ AI Agentic ได้อย่างง่ายดาย และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การจัดการงานผ่านเบราว์เซอร์ การค้นหาข้อมูลเชิงลึก หรือแม้กระทั่งการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์และแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ
Personalized Smart Replies: ต่อยอดจาก Smart Reply แบบเดิม ให้สามารถตอบกลับด้วยโทนเสียงและสไตล์ที่เหมือนกับผู้ใช้เอง โดยอิงจากข้อมูลส่วนบุคคลในแอป Google ต่างๆ อย่างโปร่งใสและภายใต้การควบคุมของผู้ใช้
เทคโนโลยีและเครื่องมือสร้างสรรค์ใหม่
SynthID และ SynthID detector: เทคโนโลยีฝังลายน้ำในเนื้อหาที่สร้างด้วย AI เพื่อเพิ่มความโปร่งใส และมีเครื่องมือตรวจสอบเนื้อหาที่มี SynthID ฝังอยู่
Flow: เครื่องมือสร้างวิดีโอ AI สำหรับนักสร้างสรรค์ที่สามารถอัปโหลดภาพตนเองและขยายคลิปได้
Android XR: แว่นตาอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับ Gemini และใช้ AI เพื่อมองเห็นและให้ข้อมูลเชิงลึกผ่านการมองเห็นของผู้ใช้ Google ร่วมมือกับ Gentle Monster และ Warby Parker เพื่อพัฒนาอุปกรณ์นี้
เกี่ยวกับ Gentle Monster: Gentle Monster เป็นแบรนด์แฟชั่นจากเกาหลีใต้ที่เชี่ยวชาญด้านแว่นตาและแว่นกันแดด ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการออกแบบที่ทันสมัยและโดดเด่น การร่วมมือกับ Google ในครั้งนี้เป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบของ Gentle Monster มาผสมผสานกับเทคโนโลยี AI ของ Google เพื่อสร้างแว่นตาอัจฉริยะที่ทั้งล้ำสมัยและใช้งานได้จริง
เกี่ยวกับ Warby Parker: Warby Parker เป็นแบรนด์แว่นตาจากสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบที่เรียบง่าย ราคาจับต้องได้ และแนวทางธุรกิจที่มุ่งเน้นลูกค้าและสังคม เช่น การบริจาคแว่นตาให้กับผู้ขาดแคลนทั่วโลก การร่วมมือกับ Google ในครั้งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างแว่นตาอัจฉริยะที่ทั้งมีสไตล์และใช้งานได้จริง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมเทคโนโลยีของ Google และความเชี่ยวชาญด้านแว่นตาของ Warby Parker
Google Search กับการเปลี่ยนโฉมด้วย AI
Search คือผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนใช้งาน AI มากที่สุด โดยเฉพาะ AI Overviews ที่ช่วยวิเคราะห์คำค้นหาขั้นสูง และกำลังขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานที่เพิ่มขึ้นกว่า 10% ในตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกาและอินเดีย
AI Mode ใน Search: เป็นการพลิกโฉม Google Search ด้วยการผสานโมเดล Gemini 2.5 เข้ามา ทำให้สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อน แสดงข้อมูลเชิงวิเคราะห์ พร้อมมีฟีเจอร์ใหม่ที่หลากหลาย เช่น การมองเห็นสิ่งต่างๆ ผ่านกล้อง การสร้างภาพโมเสกของสินค้า การวิเคราะห์ข้อมูลกีฬา-การเงิน และการแนะนำการช้อปปิ้งที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้
ความเปลี่ยนแปลงของ SEO ในยุค AI Overview
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สะท้อนจากการเปลี่ยนแปลงใน Google Search คือทิศทางที่ชัดเจนของ Google ที่กำลังเปลี่ยนบทบาทตนเองจากเพียง Search Engine แบบเดิม ไปสู่การเป็น “AI Assistant” ที่ตอบคำถามของผู้ใช้โดยตรง โดยเฉพาะกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง AI Overview ซึ่งจะแสดงคำตอบที่สังเคราะห์จากข้อมูลหลายแหล่งทันทีภายในหน้าแรกของการค้นหา
Google ตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้ใช้ในยุคใหม่ที่ต้องการ “คำตอบทันที” มากกว่าการคลิกเข้าเว็บไซต์หลายแห่ง ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลให้การอ้างอิงไปยังเว็บไซต์ต้นทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในหมวดคำค้นหาที่มีลักษณะให้ข้อมูล (informational queries) ซึ่งมีแนวโน้มถูกแทนที่ด้วยคำตอบจาก AI โดยตรง
ผลกระทบต่อธุรกิจและกลยุทธ์ SEO
ผลกระทบที่ชัดเจนคือ ปริมาณทราฟฟิกที่เคยได้จาก SEO แบบดั้งเดิมอาจลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ไม่ได้สร้างเนื้อหาที่โดดเด่นหรือมีคุณค่าเฉพาะตัวมากพอที่จะถูกนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบจาก AI Overview
ในบริบทนี้ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ SEO จากการเน้นเพียงการจัดอันดับในผลการค้นหา ไปสู่การสร้างเนื้อหาที่มี “คุณค่าเชิงลึก” (depth of value) และเชื่อถือได้ พร้อมปรับโครงสร้างข้อมูลให้สามารถเข้าใจและประมวลผลโดย AI ได้ดี เช่น การใช้ schema markup, การตอบคำถามโดยตรง, และการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ AI สามารถดึงไปใช้อ้างอิง
Google เองยังคงเปิดโอกาสให้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงปรากฏใน AI Overview ได้ หากเนื้อหานั้นได้รับการจัดทำอย่างถูกหลักการและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริง ดังนั้น แทนที่จะต่อสู้กับ AI ระบบใหม่ ธุรกิจควรหันมาออกแบบกลยุทธ์ SEO ที่ผสานกับ AI และสร้างความได้เปรียบในการถูกนำเสนอโดย AI Assistant แห่งอนาคต
สรุป: Google AI อัปเดตล่าสุด
งาน Google I/O ในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นเวทีเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติการใช้ AI ในชีวิตประจำวัน Google แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่คำโฆษณาอีกต่อไป แต่เป็นพลังจริงที่สร้างแรงบันดาลใจ ยกระดับประสบการณ์ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต การเรียนรู้ และการทำงานให้ดีขึ้นในทุกมิติ
สำหรับนักการตลาดออนไลน์ การติดตามการพัฒนาและการทดลองใช้งานของ AI Mode อย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะพื้นที่ใหม่นี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ดิจิทัล รวมถึงการจัดสรรงบประมาณโฆษณาในอนาคต ทั้งในมุมของ SEO และการแสดงผลโฆษณาในระบบใหม่ของ Google Search ที่มี AI เป็นหัวใจหลัก
เกี่ยวกับ SME JUMP
SME JUMP บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กให้เติบโตผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ SEO, การโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล, การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ SME JUMP มีความเชี่ยวชาญในการปรับตัวตามแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ เช่น การพัฒนาแผนการตลาดในยุค AI และการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างยั่งยืน
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: [email protected]
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ