เทคนิคเลือกคีย์เวิร์ด Google Ads

การลงโฆษณา Google Ads ให้ได้ผลคุ้มค่ามีปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการเลือกคีย์เวิร์ดอย่างมีประสิทธิภาพ

3 เทคนิคเลือกคีย์เวิร์ด Google Ads ที่ SME ต้องรู้

การลงโฆษณา Google Ads ให้ได้ผลคุ้มค่ามีปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการเลือกคีย์เวิร์ดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่มีงบประมาณจำกัด การใช้คีย์เวิร์ดผิดพลาดอาจทำให้เสียเงินโดยไม่เกิดผลลัพธ์ วันนี้เราขอแนะนำ 3 เทคนิคเลือกคีย์เวิร์ด Google Ads ที่เหมาะสม เพื่อให้การลงโฆษณาได้ผลลัพธ์ที่ดีในงบประมาณที่ควบคุมได้

ปัญหาที่ SME มักเจอเมื่อเลือกคีย์เวิร์ดผิด

คีย์เวิร์ดกว้างเกินไป

คีย์เวิร์ดประเภท Broad Match มักแสดงโฆษณากับคำค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้เสียค่าโฆษณาโดยไม่จำเป็น เช่น หากใช้คำว่า “กาแฟ” โฆษณาอาจแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำว่า “ประวัติกาแฟ” ซึ่งไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ คีย์เวิร์ดแบบกว้างยังไม่เหมาะกับแคมเปญที่เน้นจำนวนคลิก เพราะระบบโฆษณาจะพยายามแสดงโฆษณาให้ได้คลิกมากที่สุด ส่งผลให้โฆษณาไปแสดงในคำค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ใช่ลูกค้าที่คุณต้องการ

คีย์เวิร์ดแข่งขันสูง ราคาคลิกแพง

บางคีย์เวิร์ดอาจมีราคาสูงถึง 30-50 บาทต่อคลิก เช่น “รับทำ SEO” หรือ “โฆษณาออนไลน์” SME ที่มีงบจำกัดจะเสียเปรียบในการแข่งขัน

คำที่ลูกค้าไม่ใช้ค้นหา

หลายธุรกิจใช้คำที่ตนเองเข้าใจ แต่ไม่ตรงกับคำที่ลูกค้าใช้จริง เช่น ใช้คำว่า “Drip Coffee พรีเมียม” แทนคำว่า “ร้านกาแฟ ใกล้ฉัน” ซึ่งทำให้พลาดโอกาสเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการจริง

เทคนิคเลือกคีย์เวิร์ด google ads

เทคนิคที่ 1: ใช้เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดจริงจากลูกค้า

หากคุณยังไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญภายใน การปรึกษากับ บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ที่มีประสบการณ์ด้านการวางกลยุทธ์คีย์เวิร์ด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ Google Ads ได้เป็นอย่างดี

คิดในมุมมองของลูกค้า

ต้องตั้งคำถามว่า “ถ้าคุณเป็นลูกค้า จะพิมพ์คำว่าอะไรใน Google” ไม่ใช่คิดจากมุมธุรกิจ เช่น ลูกค้าจะค้นหาว่า “ร้านซ่อมแอร์ ย่านสุทธิสาร” มากกว่า “บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศระดับมืออาชีพ”

ในแคมเปญ Google Ads คุณสามารถดูคำที่คนพิมพ์เข้ามาจริงๆ เพื่อเรียนรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายเขาใช้อะไรในการค้นหา โดยเข้าไปที่เมนู “ข้อความค้นหา” (Search Term) เพื่อศึกษาและนำมาปรับใช้ในการเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา

ใช้ Google Keyword Planner

ในบัญชี Google Ads มีเครื่องมือ Keyword Planner ช่วยให้คุณ:

  • ดูปริมาณการค้นหาต่อเดือนของแต่ละคำ
  • เห็นช่วงราคาประมูล (Bid) ของคีย์เวิร์ด
  • ได้ไอเดียคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
  • วิเคราะห์แนวโน้มการค้นหาในช่วง 12 เดือน

ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการวางกลยุทธ์โฆษณา โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการใช้เทคนิคเลือกคีย์เวิร์ด Google Ads อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยในการลงแคมเปญแบบมืออาชีพ บริษัททำ Google Ads จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้และวางกลยุทธ์โฆษณาได้อย่างแม่นยำ

เทคนิคที่ 2: ใช้คีย์เวิร์ดแบบวลีและคีย์เวิร์ดยาว

กำหนดคีย์เวิร์ดแบบ Phrase Match

การใช้เครื่องหมายอัญประกาศคู่ หรือสัญลักษณ์ฟันหนู เช่น “ยิงแอด โฆษณา” จะช่วยให้โฆษณาแสดงเฉพาะคำที่ใกล้เคียง เป็นการบอกระบบ Google Ads ให้แสดงโฆษณาในกลุ่มคำค้นหาที่แคบลง แคบกว่าคีย์เวิร์ดแบบกว้างที่ไม่ได้ใช้เครื่องหมายอะไรเลย ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแม่นยำและลดการเสียค่าโฆษณากับผู้ที่ไม่สนใจ

ใช้ Long-Tail Keyword

คีย์เวิร์ดยาวและเฉพาะเจาะจง เช่น “การตลาดออนไลน์ สำหรับคลินิกเสริมความงาม” หรือ “ร้านซ่อมแอร์ ย่านสุทธิสาร” จะมีปริมาณการค้นหาน้อยลง แต่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสซื้อสูง และมีค่าใช้จ่ายต่อคลิกต่ำ วิธีนี้เป็นเทคนิคที่จะเลี่ยงคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูง และยังเจาะกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะ

เทคนิคที่ 3: ใช้คีย์เวิร์ดเชิงลบเพื่อตัดคำที่ไม่เกี่ยวข้อง

กำหนด Negative Keyword ล่วงหน้า

เพิ่มคำเชิงลบที่ไม่เกี่ยวกับการซื้อ เช่น “ฟรี”, “วิธีทำเอง”, “สมัครงาน” เพื่อไม่ให้โฆษณาแสดงกับกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้า วิธีนี้เป็นกิจกรรมที่เอเจนซี่โฆษณา Google Ads จะทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำการ Optimize แคมเปญโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ

ตรวจสอบ Search Term Report

เข้าไปดูข้อความค้นหาที่ผู้ใช้พิมพ์จริงในแคมเปญเป็นประจำทุกสัปดาห์ หากพบคำที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้เพิ่มเข้าเป็น Negative Keyword ทันที เช่น หากมีคนค้นหา “คอร์สเรียน Shopee affiliate” แต่ธุรกิจไม่ได้เปิดคอร์สนี้ ควรเพิ่มเป็นคีย์เวิร์ดเชิงลบ

ประโยชน์เพิ่มเติม

นอกจากคัดกรองคำที่ไม่เกี่ยวข้องแล้ว รายงาน Search Term ยังช่วยให้เห็นพฤติกรรมการค้นหาของลูกค้า นำไปต่อยอดทำคอนเทนต์ SEO หรือแคมเปญใหม่ได้อีกด้วย

คำแนะนำสำหรับ SME ที่มีงบประมาณ 100-500 บาทต่อวัน

  • เริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ดแบบ Phrase Match จำนวนจำกัด
  • ปล่อยให้ระบบรันอย่างน้อย 7 วัน ก่อนพิจารณาขยายคีย์เวิร์ด
  • หมั่นตรวจสอบและเพิ่ม Negative Keyword อย่างสม่ำเสมอ

การวางแผนคีย์เวิร์ดที่ดีจะช่วยให้ SME ใช้งบประมาณโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้


Google Premier Partner Badge

แจก E-book Google VS Facebook ฟรี!!!

เพียงส่งโค้ดในหน้าเว็บนี้เข้ามาที่ไลน์

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!






    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน