Deep Research คืออะไร
เปรียบเทียบ Deep Research Gemini Vs ChatGPT: ตัวไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน?
Deep Research คืออะไร
เปรียบเทียบ Deep Research Gemini Vs ChatGPT: ตัวไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน?
การใช้ AI มาช่วยค้นหาข้อมูลถือเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญ ที่สามารถช่วยงานด้านธุรกิจ และการเรียนได้เป็นอย่างมาก ความสามารถในการค้นคว้า และกลั่นกรองข้อมูลให้เป็นระบบจึงกลายเป็นทักษะสำคัญทั้งสำหรับนักเรียนนักศึกษาและผู้เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ โดยเฉพาะนักการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ตลาด การจัดทำรายงาน หรือการวางแผนกลยุทธ์ “Deep Research” จึงกลายเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์มากที่สุดในแพลตฟอร์ม AI ชั้นนำอย่าง Gemini และ ChatGPT บทความนี้จะพาท่านเจาะลึกการเปรียบเทียบ Deep Research Gemini Vs ChatGPT เพื่อค้นหาคำตอบว่า ตัวไหนดีกว่ากัน และเหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด
Deep Research (การค้นหาเชิงลึก)
ก่อนเข้าสู่การเปรียบเทียบ ควรทำความเข้าใจว่า “Deep Research” หรือ “การค้นหาเชิงลึก” คืออะไร ฟีเจอร์นี้คือความสามารถของ AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตในเชิงลึกและจัดเรียงเนื้อหาในรูปแบบโครงสร้างที่คล้ายงานวิจัย หรือรายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์
Deep Research มีความสามารถในการ:
- รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
- วิเคราะห์และจัดกลุ่มข้อมูลตามหัวข้อ
- ระบุแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างชัดเจน
- สร้างเนื้อหาต่อยอดจากผลการวิจัย
ทั้ง Gemini และ ChatGPT ต่างก็มีฟีเจอร์นี้ให้ใช้งาน แต่ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นแตกต่างกันออกไป
Deep Research ทำงานอย่างไร
ฟีเจอร์ Deep Research อาศัยความสามารถของ AI ในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เปิดเผย (public sources) บนอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์ข่าว บทวิเคราะห์ธุรกิจ รายงานของบริษัท บล็อกที่เชื่อถือได้ และฐานข้อมูลออนไลน์บางประเภท โดยระบบจะใช้เทคนิค Natural Language Processing (NLP) และ Machine Learning เพื่อเข้าใจคำค้นหา วิเคราะห์ความเกี่ยวข้อง และสรุปข้อมูลออกมาในรูปแบบที่อ่านเข้าใจง่าย พร้อมแหล่งที่มา
แหล่งข้อมูลที่นำมาใช้จะแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์ม เช่น ChatGPT อาจมีข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ขณะที่ Gemini ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Google อาจดึงข้อมูลจากดัชนีเว็บไซต์ของ Google ซึ่งมีขนาดใหญ่และครอบคลุมมากกว่า
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา หากข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น สำนักข่าวชั้นนำ หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอุตสาหกรรม ก็สามารถใช้อ้างอิงได้ในระดับวิชาการ แต่หากมาจากเว็บทั่วไปหรือบล็อกส่วนตัว ผู้ใช้งานควรตรวจสอบเพิ่มเติม
คำแนะนำในการนำข้อมูลไปใช้:
- ตรวจสอบแหล่งที่มาและวันที่ของข้อมูลเสมอ
- หากใช้ในการอ้างอิงวิชาการ ควรนำข้อมูลไปตรวจสอบเทียบเคียงกับแหล่งอื่น
- ใช้ Gemini หรือ ChatGPT เป็นเครื่องมือรวบรวมและจัดเรียงข้อมูลเบื้องต้น และอาจเสริมด้วยการค้นหาด้วยตนเองเพื่อยืนยันความถูกต้องในประเด็นสำคัญ
วิธีการใช้งาน Deep Research ใน ChatGPT
ขั้นตอนการใช้งาน
- ผู้ใช้ต้องเลือกคำสั่ง “Run Deep Research” (ในเมนูภาษาไทย เลือกเครื่องมือ และเลือก รันการค้นหาเชิงลึก)
- พิมพ์คำค้นหาที่ต้องการ เช่น “กลยุทธ์การตลาดของห้างแว่นท็อปเจริญ”
- ChatGPT อาจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน เช่น ช่วงเวลา
- ระบบจะประมวลผลและรวบรวมข้อมูลมาแสดงเป็นหัวข้อ พร้อมแหล่งที่มา
จุดเด่นของ ChatGPT ในการทำ Deep Research
- โต้ตอบแบบสองทาง: ChatGPT มีการถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อขยายขอบเขตความเข้าใจ ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
- การจัดเรียงข้อมูลตามหัวข้อ: เนื้อหาที่ได้จะถูกจัดในรูปแบบที่อ่านง่าย เช่น “กลยุทธ์การตลาดปัจจุบัน”, “กลุ่มเป้าหมาย”, “คู่แข่งทางธุรกิจ”
- แหล่งอ้างอิงชัดเจน: มีการระบุเว็บไซต์ต้นทางของข้อมูล เช่น marketingonline.co หรือ CEO Blog
- เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษา: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การเขียนรายงานหรือทำโปรเจกต์กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างมาก
ข้อจำกัดของ ChatGPT
- ไม่มีแผนการวิจัยล่วงหน้า ไม่แสดงแผนการค้นหาข้อมูล
- ไม่สามารถส่งออกข้อมูลไปยังเอกสารหรือสเปรดชีตได้โดยตรง ต้องคัดลอกและวางด้วยตนเอง
- ไม่มีฟีเจอร์ต่อยอดผลลัพธ์เช่นการสร้างสื่ออินโฟกราฟิก พอดแคสต์ หรือแบบทดสอบ
Deep Research ใน Gemini: เจาะลึกข้อดีที่เหนือกว่า
ขั้นตอนการใช้งาน
- คลิกเลือก “Deep Research” หรือ “รันคำตอบเชิงลึก”
- พิมพ์คำค้นหา เช่น “กลยุทธ์การตลาดห้างแว่นท็อปเจริญ”
- ก่อนเริ่มกระบวนการ Gemini จะแสดง “แผนการวิจัยล่วงหน้า”
- ผู้ใช้สามารถปรับแก้แผนได้ เช่น เพิ่มหัวข้อ “พฤติกรรมผู้บริโภค”
- ระบบจะค้นหาข้อมูลและแสดงผลในรูปแบบที่คล้ายงานวิชาการ
จุดเด่นของ Gemini ในการทำ Deep Research
1. แผนการค้นคว้าล่วงหน้า (Pre-Research Plan)
Gemini แสดงลำดับขั้นตอนก่อนเริ่มวิจัย เช่น:
- ค้นหากลยุทธ์การตลาดจากแหล่งข่าวธุรกิจ
- วิเคราะห์คู่แข่งหลักในตลาด
- สรุปแนวโน้มผู้บริโภค
ผู้ใช้สามารถแก้ไขแผนนี้ได้ทันที ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ ChatGPT ไม่มี
2. ความละเอียดและการจัดระเบียบข้อมูล
- ข้อมูลมีโครงสร้างชัดเจน คล้ายรายงานวิชาการ
- แต่ละส่วนมีหัวข้อย่อย และแหล่งที่มาแบบละเอียด
- สื่อความหมายได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในงานวิจัยหรือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์
3. การผสานรวมข้อมูลและการส่งออก
- แสดงข้อมูลทางการเงินในรูปแบบตาราง เช่น ยอดขาย, อัตราการเติบโต, ROI
- ส่งออกโดยตรงไปยัง Google Sheets และ Google Docs ได้ในคลิกเดียว
- ลดขั้นตอนการจัดรูปแบบเอกสาร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับทีม
4. ความหลากหลายของแหล่งที่มา
- Gemini สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลจำนวนมากจากระบบนิเวศของ Google
- ดึงข้อมูลจาก YouTube, ข่าวสาร, Blog และเว็บไซต์เฉพาะทางได้โดยละเอียด
- แสดง URL และวันที่อัปเดตของแหล่งข้อมูล ช่วยในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
5. ความสามารถในการสร้างสื่อจากผลการวิจัย
Gemini มีฟีเจอร์พิเศษในการเปลี่ยนผลลัพธ์ให้เป็นสื่อรูปแบบอื่นได้ เช่น:
- สร้างหน้าเว็บ (HTML) สำหรับการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบเว็บไซต์
- สร้างพอดแคสต์ (Audio Overview) เพื่อสรุปผลการวิจัยในรูปแบบเสียง
- สร้างอินโฟกราฟิก (Infographics) เพื่อการสื่อสารที่เข้าใจง่าย
- สร้างแบบทดสอบ (Quizzes) เพื่อใช้ในการประเมินความเข้าใจหรือใช้ในการประชุม
เปรียบเทียบ Deep Research Gemini Vs ChatGPT: ตารางสรุป
คุณสมบัติ | ChatGPT | Gemini |
---|---|---|
แผนการค้นคว้าล่วงหน้า | ✗ | ✓ ปรับแต่งได้ |
ความละเอียดของเนื้อหา | ปานกลาง | สูง คล้ายงานวิชาการ |
แหล่งข้อมูล | มีจำกัด | หลากหลาย ครอบคลุม |
การส่งออกข้อมูล | คัดลอกเท่านั้น | ส่งออก Google Docs/Sheets ได้ |
สร้างเนื้อหาจากผลวิจัย | ✗ | ✓ Web Page, Audio, Infographics, Quizzes |
เหมาะสำหรับ | นักศึกษา, ผู้เริ่มต้น | นักวิจัย, นักวิเคราะห์, ธุรกิจ |
ข้อสรุป: ใครควรใช้ Deep Research Gemini และใครควรใช้ ChatGPT?
- หากคุณเป็น นักเรียนนักศึกษา ที่ต้องการข้อมูลเร็ว ใช้งานง่าย และไม่ต้องการฟีเจอร์ซับซ้อน ChatGPT ถือว่าเหมาะสมและเพียงพอ
- แต่หากคุณเป็น นักวิเคราะห์, ผู้บริหาร, หรือผู้ที่ทำงานด้านกลยุทธ์ ซึ่งต้องการรายงานที่มีโครงสร้างชัดเจน พร้อมฟีเจอร์ส่งออกและต่อยอดเนื้อหา Gemini คือคำตอบที่เหนือกว่า
ข้อคิดเห็นจากการใช้งาน Deep Research
จากการทดลองใช้งานจริง ผู้เขียนพบว่าผลลัพธ์ที่ได้จาก Deep Research ของ Gemini มีความละเอียดมากกว่า ChatGPT อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ของปริมาณข้อมูลที่ถูกรวบรวม ซึ่งมาจากจำนวนเว็บไซต์ที่มากกว่าและหลากหลายกว่า เป็นไปได้ว่าสิ่งนี้เกิดจากข้อได้เปรียบของ Google ในฐานะเครื่องมือค้นหาที่มีดัชนีเว็บไซต์ขนาดใหญ่ ทำให้ Gemini สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่กว้างขวางและหลากหลายกว่า
นอกจากนี้ การจัดเรียงผลลัพธ์ของ Gemini ยังมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับงานวิจัยมาก ทั้งในเชิงโครงสร้าง หัวข้อ เนื้อหา และการอ้างอิงแหล่งที่มา ทำให้สามารถนำไปใช้งานต่อได้ทันทีในงานวิเคราะห์หรือรายงานวิชาการ โดยไม่จำเป็นต้องจัดเรียงหรือสรุปซ้ำมากนัก ข้อดีเหล่านี้จึงทำให้ Gemini เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลคุณภาพสูงในระดับลึก เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจ นักวิจัย หรือผู้ที่ทำงานด้านกลยุทธ์
สรุป: Deep Research คืออะไร
จากการเปรียบเทียบทั้งหมด จะเห็นได้ว่า Gemini มีความสามารถในการทำ Deep Research ที่เหนือกว่า ChatGPT อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงแผนการค้นคว้าล่วงหน้า การจัดระเบียบผลลัพธ์ในรูปแบบที่เป็นระบบ การเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ตลอดจนฟีเจอร์เสริมในการสร้างสื่อจากผลลัพธ์
ในขณะที่ ChatGPT ก็ยังคงมีจุดแข็งในด้านการใช้งานง่ายและเหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้งาน หรือผู้ที่ต้องการข้อมูลเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
คำแนะนำคือ ควรเลือกใช้ Gemini เป็นเครื่องมือหลักในการทำ Deep Research สำหรับงานที่ต้องการความละเอียด ความน่าเชื่อถือ และการส่งออกผลลัพธ์ไปใช้ต่ออย่างเป็นระบบ ส่วน ChatGPT อาจใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการขยายมุมมอง ตั้งคำถามเพิ่มเติม หรือสังเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ
เกี่ยวกับ SME Jump
หากคุณต้องการผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญรับทำการตลาดออนไลน์ การวางแผนคอนเทนต์ หรือการใช้งานเครื่องมือ AI เพื่อธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ SME Jump มีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมช่วยคุณวางกลยุทธ์และดำเนินงานให้เห็นผลลัพธ์จริง
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: [email protected]
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ