กลยุทธ์การตลาด ชาตรามือ
บทเรียนธุรกิจจากแบรนด์ชาไทยระดับตำนาน
กลยุทธ์การตลาด ชาตรามือ: บทเรียนธุรกิจจากแบรนด์ชาไทยระดับตำนาน
ถ้าพูดถึงแบรนด์ชาไทยที่อยู่ในใจคนไทยมานานหลายสิบปี เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง “ชาตรามือ” อย่างแน่นอน ความสำเร็จของแบรนด์นี้ไม่ได้เป็นเรื่องของโชคหรือรสชาติที่อร่อยเพียงอย่างเดียว แต่คือผลลัพธ์ของการวางกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง จนสามารถพัฒนาแบรนด์จากร้านชาดั้งเดิม สู่ธุรกิจที่มียอดขายระดับพันล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ระดับโลก
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ชาตรามือ ทั้งจากมุมมองประวัติศาสตร์ธุรกิจ การสร้างแบรนด์ การพัฒนาสินค้า ห่วงโซ่อุปทาน กลยุทธ์ช่องทางจัดจำหน่าย ไปจนถึงการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
กำเนิดแบรนด์จากวัฒนธรรมจีนสู่การสร้างเครื่องดื่มประจำชาติ
เรื่องราวของชาตรามือเริ่มต้นจากผู้อพยพชาวจีนแต้จิ๋วที่เดินทางมาตั้งรกรากในประเทศไทยเมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน โดยบรรพบุรุษของตระกูลเรืองฤทธิเดชได้เปิดร้าน “ลิมเมงกี” ที่เยาวราชในปี พ.ศ. 2468 ซึ่งในระยะแรกเป็นเพียงร้านขายชาจีนแบบดั้งเดิม
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสภาพอากาศของประเทศไทยไม่เอื้อต่อการดื่มชาร้อนเหมือนในประเทศจีน ผู้ก่อตั้งได้มองเห็นโอกาสใหม่ จึงคิดค้นสูตรการดื่มชาเย็น โดยใช้ชาแดงชงเข้ม ผสมนมและน้ำตาล แล้วเสิร์ฟเย็นพร้อมน้ำแข็ง กลายเป็นเครื่องดื่มที่รู้จักกันในชื่อ “ชาเย็น” หรือ “ชาไทย”
การสร้างชื่อเสียงและอัตลักษณ์แบรนด์
ที่น่าสนใจคือ ผู้ก่อตั้งไม่ได้เพียงแค่คิดค้นเมนูชาไทยเท่านั้น แต่ยังตั้งชื่อให้กับมันว่า “ชาไทย” ซึ่งไม่เคยมีใครใช้คำนี้มาก่อน ถือเป็นการสร้างหมวดหมู่เครื่องดื่มใหม่ในวัฒนธรรมไทย และสร้างการรับรู้ที่ชัดเจนในหมู่ผู้บริโภค
ชื่อแบรนด์ “ชาตรามือ” ก็ไม่ได้เกิดจากทีมการตลาดมืออาชีพ แต่เป็นคำเรียกติดปากจากลูกค้าที่จดจำชาอร่อยจากกระป๋องที่มีรูปมือยกนิ้วโป้ง โลโก้นี้สื่อถึงคุณภาพและความอร่อยในแบบที่คนไทยเข้าใจได้ทันที ซึ่งช่วยให้แบรนด์มีภาพจำที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
โครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและหลากหลาย
เบื้องหลังภาพลักษณ์เรียบง่ายของแบรนด์ คือการจัดโครงสร้างทางธุรกิจที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพ โดยชาตรามือบริหารผ่านหลายบริษัท ได้แก่:
- บริษัท สยาม เอฟ บี โปรดักส์ จำกัด: ดูแลกระบวนการผลิตทั้งหมด
- บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด: บริหารจัดการร้านค้าปลีกและคีออสตามสถานที่ต่าง ๆ
- บริษัท ชาไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด: รับผิดชอบด้านการขายและการตลาด
เมื่อรวมรายได้จากทุกบริษัทในกลุ่ม พบว่ายอดขายทะลุ 3,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายสู่ 5,000 ล้านบาทภายในปี 2570
กลยุทธ์ด้านห่วงโซ่อุปทาน: บูรณาการแนวตั้ง
ชาตรามือใช้โมเดล “Vertical Integration” หรือการบูรณาการแนวตั้ง เพื่อควบคุมคุณภาพอย่างครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น:
- ไร่ชาในจังหวัดเชียงราย
- โรงงานแปรรูปชาคุณภาพสูง
- การจัดจำหน่ายผ่านช่องทางของตนเอง
การควบคุมทุกขั้นตอนทำให้สามารถรักษามาตรฐานรสชาติและคุณภาพสินค้าได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นซัพพลายเออร์ให้กับแบรนด์ใหญ่อย่าง Café Amazon ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือในระดับอุตสาหกรรม
รายได้จาก B2B และโมเดลค้าปลีกที่มีกำไรสูง
แม้รายได้หลักของชาตรามือจะมาจากการขายชาผงในรูปแบบ B2B ให้กับร้านอาหารและคาเฟ่ทั่วประเทศ แต่กำไรส่วนใหญ่กลับมาจากร้านค้าปลีกที่แบรนด์บริหารเอง ไม่ว่าจะเป็นคีออสในห้างสรรพสินค้า สถานี BTS หรือสนามบิน โมเดลนี้ทำให้สามารถควบคุมประสบการณ์ของผู้บริโภคได้เต็มที่
การสร้างนวัตกรรมในสินค้าและการสื่อสาร
ชาตรามือไม่ได้หยุดอยู่แค่ชาเย็นแบบดั้งเดิม แต่ยังพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น:
- ชา Extra Gold สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบรสชาเข้มข้น
- ชากุหลาบ ที่ได้รับความนิยมจากคุณสมบัติช่วยระบบขับถ่าย
- ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟรสชาไทย ที่กลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการ “ประสบการณ์” มากกว่าการซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว
เมนูเครื่องดื่มยอดนิยม
หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ชาตรามือได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือการมีเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายและโดนใจผู้บริโภคทุกกลุ่ม นี่คือ 5 เมนูยอดนิยมที่ลูกค้าสั่งซ้ำมากที่สุด:
- ชาไทยต้นตำรับ (Original Thai Tea) – เมนูซิกเนเจอร์ที่ครองใจคนไทยและชาวต่างชาติมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติหวาน มัน หอม กลมกล่อมที่ลงตัว เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งเย็นชื่นใจ
- ชาเขียวมัทฉะนม (Matcha Green Tea Latte) – รสชาติของมัทฉะแท้ ๆ ผสานกับความหอมมันของนมสด เหมาะสำหรับคนรักชาเขียวและสายสุขภาพ
- ชากุหลาบ (Rose Tea) – เมนูที่โด่งดังจากการรีวิวในโลกโซเชียล ได้รับความนิยมเพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกุหลาบและคุณสมบัติช่วยเรื่องระบบขับถ่าย
- ชาไทยไร้สี (Colorless Thai Tea) – ตัวเลือกสำหรับคนรักชาไทยที่กังวลเรื่องสีผสมอาหาร รสชาติยังคงเข้มข้นเหมือนเดิมแต่มีภาพลักษณ์ที่ดูสุขภาพดีมากขึ้น
- ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟรสชาไทย – ของหวานสุดครีเอทที่กลายเป็นเมนูฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่ ทั้งรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และรูปลักษณ์ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วน่าดึงดูด
เมนูเหล่านี้ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าแต่ละกลุ่ม แต่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนยอดขายและภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
กลยุทธ์ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ
ด้วยกระแสความตระหนักเรื่องสุขภาพและความกังวลเรื่องสีผสมอาหาร ชาตรามือได้เปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น:
- ชาไทยไร้สี
- ชาไทยสีธรรมชาติ
โดยยังคงรสชาติดั้งเดิมไว้ครบถ้วน กลยุทธ์นี้ไม่เพียงตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศ แต่ยังสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านอาหารของประเทศปลายทางในการส่งออกอีกด้วย
กลยุทธ์การขยายสาขา: การเติบโตแบบสองแกน
การขยายธุรกิจของชาตรามือดำเนินควบคู่กันทั้งในและต่างประเทศ โดยมี 2 แกนหลัก:
- ขยายสาขาในประเทศ: ด้วยทำเลที่หลากหลาย เช่น ห้างสรรพสินค้า BTS สนามบิน โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 220 สาขา
- การขยายสู่ตลาดต่างประเทศผ่านแฟรนไชส์: ข้อดีคือสามารถเติบโตได้เร็วโดยไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด ปัจจุบันมีมากกว่า 114 สาขาใน 11 ประเทศ
การใช้ Soft Power ไทยและการวางตำแหน่งแบรนด์
หนึ่งในความสำเร็จสำคัญของชาตรามือคือการใช้ความเป็น “ไทย” เป็น Soft Power เมื่อเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น:
- ในสหรัฐอเมริกา ชาไทยกลายเป็นเครื่องดื่มพรีเมียม โดยตั้งราคาสูงถึงแก้วละ 200 บาท
- ในเวียดนาม ใช้ความนิยมของนักท่องเที่ยวที่เคยมาไทยเป็นฐานลูกค้าแรก
คำกล่าวที่ว่า “ดื่มแล้วคิดถึงเมืองไทย” สะท้อนถึงพลังของแบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงกับอารมณ์และความทรงจำของผู้บริโภค ซึ่งเป็นสิ่งที่โฆษณาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างได้
แนวทางการนำ Soft Power มาใช้ในกลยุทธ์การตลาด
Soft Power ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ทรงพลังสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่างและความผูกพันกับผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจไทย การนำอัตลักษณ์ไทยมาใช้ในการสื่อสารแบรนด์ เช่น รสชาติ กลิ่น สี เสียง ภาษา หรือแม้แต่การบริการแบบไทย ล้วนสามารถกลายเป็นจุดแข็งทางการตลาดได้
แนวทางสำคัญในการใช้ Soft Power ในการทำตลาดมีดังนี้:
- สื่อสารผ่านวัฒนธรรมไทย: ใช้เรื่องเล่า (Storytelling) ที่เกี่ยวกับรากเหง้า ความเป็นไทย หรือวิถีชีวิตท้องถิ่น เพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้บริโภค
- ใช้รสชาติ กลิ่น และภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย: เช่น ชาไทย ชากุหลาบ ขนมไทย หรือลวดลายไทยในบรรจุภัณฑ์
- สร้างประสบการณ์ทางวัฒนธรรม: เช่น บรรยากาศร้าน เสียงเพลงไทย การแต่งกายของพนักงาน หรือบริการแบบไทยที่อบอุ่น
- ปรับให้เข้ากับบริบทสากล: การใช้ Soft Power ควรทำควบคู่กับการเข้าใจตลาดปลายทาง และปรับให้เข้ากับรสนิยมท้องถิ่น โดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์ไทย
เมื่อใช้ Soft Power อย่างชาญฉลาด จะสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และเปลี่ยนสินค้าไทยให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกและความทรงจำ ซึ่งเป็นคุณค่าที่เงินไม่สามารถซื้อได้
การเตรียมความพร้อมสู่อนาคต
แม้ชาตรามือจะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ก็ไม่ได้หยุดนิ่งในการปรับตัว โดยมีแผนการใหม่ๆ เช่น:
- การเปิดตัวแอปพลิเคชันเพื่อสั่งเครื่องดื่มล่วงหน้าและสะสมแต้ม
- การแต่งตั้ง Brand Ambassador เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
- การพัฒนาสินค้าสุขภาพและนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
สรุป: กลยุทธ์การตลาด ชาตรามือ
กลยุทธ์ที่ยึดแก่นแท้และปรับเปลี่ยนอย่างชาญฉลาด
ความสำเร็จของชาตรามือเกิดจากการ “ยึดมั่นในแก่นแท้” ของแบรนด์ที่สื่อถึงคุณภาพ ความเป็นไทย และรสชาติดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็ “ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันยุค” ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยี การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย หรือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
นี่คือกรณีศึกษาของแบรนด์ที่สามารถผสานความคลาสสิกกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ชาไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในระดับโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจไทยอีกมากมาย
บทเรียนจากชาตรามือ: ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่เพียงการขายสินค้า แต่คือการสร้างวัฒนธรรมและประสบการณ์ให้ผู้บริโภค
เกี่ยวกับ SMEJUMP
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยในการวางแผน และทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร SMEJUMP คือพันธมิตรที่คุณไว้วางใจได้ ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการสร้างกลยุทธ์ดิจิทัลที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ ทั้งการโฆษณาออนไลน์ การวางแผนการตลาด และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน ให้เราช่วยผลักดันแบรนด์ของคุณให้เติบโตในโลกดิจิทัลอย่างมืออาชีพ
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
122/6 ถ.ราษฎร์พัฒนา แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ