Project Management Apps ตัวไหนดีที่สุด
ทำไม Project Management Apps ถึงสำคัญสำหรับคนทำงานยุคนี้
Project Management Apps ตัวไหนดีที่สุด
ทำไม Project Management Apps ถึงสำคัญสำหรับคนทำงานยุคนี้
ในยุคที่การทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานโปรเจกต์ หรืองานที่ต้องประสานกับหลายฝ่าย การใช้เพียงแค่สมุดโน้ตหรือการจดจำด้วยตนเองไม่เพียงพออีกต่อไป การบริหารจัดการเวลาและลำดับความสำคัญของงานจึงกลายเป็นทักษะสำคัญ และนี่คือเหตุผลที่เครื่องมือจัดการงาน หรือ Project Management Apps กลายมาเป็นผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้ของคนทำงานสมัยใหม่
แอปเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้เราจัดการงานให้เสร็จเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีระบบ ประสานงานกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดจากการลืมงานหรือจัดลำดับผิดพลาด วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักและเปรียบเทียบ Project Management Apps ยอดนิยม 4 ตัว ได้แก่ Asana, Trello, Notion และ ClickUp เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะกับลักษณะการทำงานของตัวเองมากที่สุด
Asana – สำหรับทีมที่ต้องการความเป็นระบบและความร่วมมือที่ชัดเจน
เหมาะกับใครและงานประเภทไหน
Asana เหมาะสำหรับทีมองค์กรที่มีหลายฝ่ายทำงานร่วมกัน เช่น ทีมการตลาด ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือทีมบริหารโปรเจกต์ ที่ต้องการโครงสร้างงานชัดเจน พร้อมระบบติดตามความคืบหน้าและวัดผลได้ในแต่ละขั้นตอน
จุดเด่นของ Asana
Asana เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการโปรเจกต์ที่มีโครงสร้างชัดเจน โดยเน้นไปที่การทำงานร่วมกันในทีม คุณสามารถสร้างโปรเจกต์ และแบ่งออกเป็นงานย่อย (tasks) พร้อมระบุวันครบกำหนด ผู้รับผิดชอบ และติดตามความคืบหน้าแบบเรียลไทม์ได้
- รองรับการดูหลายรูปแบบ: List, Board, Timeline, Calendar
- ระบบ Workflow ที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการวางแผนระยะยาว
- เชื่อมต่อกับแอปอื่นได้หลากหลาย เช่น Google Drive, Slack, Zoom, Microsoft Teams
ข้อจำกัดของ Asana
- อินเตอร์เฟซอาจดูซับซ้อนสำหรับผู้ใช้ใหม่หรือผู้ที่ไม่ถนัดการวางแผนแบบเป็นระบบ
- ไม่เหมาะกับงานส่วนตัวหรืองานขนาดเล็ก
- ฟีเจอร์หลายอย่าง เช่น Timeline หรือ Reporting ขั้นสูง ต้องสมัครใช้บริการแบบชำระเงิน
แผนราคา
Asana มีแผนการใช้งานแบ่งออกเป็นหลายระดับตามความต้องการของผู้ใช้ ดังนี้:
- Basic (ฟรี): เหมาะสำหรับผู้ใช้งานรายบุคคลหรือทีมเล็กที่ต้องการจัดการงานพื้นฐาน สามารถสร้างงาน (Tasks), โปรเจกต์ (Projects), มุมมองแบบ List และ Board รวมถึงมอบหมายงาน ติดตามงาน และใช้ฟีเจอร์พื้นฐานในการทำงานร่วมกันได้
- Premium: เพิ่มฟีเจอร์การมองเห็นภาพรวมของโปรเจกต์ เช่น Timeline view, Workflow Automation, Advanced Search, และ Reporting เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการควบคุมและจัดการโปรเจกต์อย่างมืออาชีพ ราคาอยู่ที่ประมาณ $10.99/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Business: สำหรับองค์กรที่มีหลายทีมและต้องการระบบควบคุมมากขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องมือ CRM, Portfolio Management และ Workload management ราคาประมาณ $24.99/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Enterprise: สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด การควบคุมสิทธิ์ใช้งาน และการบริหารแบบครบวงจร ต้องติดต่อทีมขายของ Asana เพื่อขอใบเสนอราคา
Asana จึงมีตัวเลือกให้เหมาะสมกับทั้งผู้เริ่มต้นและทีมมืออาชีพ โดยสามารถเริ่มใช้งานแบบฟรีเพื่อทดลองระบบก่อนตัดสินใจอัปเกรดได้
Trello – เรียบง่าย เข้าใจง่าย เหมาะกับงานที่ต้องการภาพรวมชัดเจน
เหมาะกับใครและงานประเภทไหน
Trello เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปหรือทีมขนาดเล็กที่ต้องการติดตามงานแบบเห็นภาพชัดเจน เช่น แผนการเรียน การจัดตารางชีวิต การวางแผนคอนเทนต์ หรือโปรเจกต์ง่าย ๆ ในทีมงานไม่เกิน 5-10 คน
จุดเด่นของ Trello
Trello เป็นหนึ่งในเครื่องมือจัดการงานที่ใช้หลักการของ Kanban ซึ่งแบ่งงานออกเป็นบอร์ดและการ์ด ทำให้คุณสามารถลากการ์ดงานไปยังสถานะต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น To Do, Doing, Done
- อินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
- เหมาะสำหรับการวางแผนงานส่วนตัว งานกลุ่มขนาดเล็ก และโปรเจกต์ไม่ซับซ้อน
- รองรับ Power-Ups ที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์ เช่น Google Calendar, Slack, หรือระบบ Automation
ข้อจำกัดของ Trello
- หากต้องบริหารจัดการโปรเจกต์ขนาดใหญ่ หรือมีความซับซ้อนมาก Trello อาจไม่ตอบโจทย์
- ฟีเจอร์บางอย่างที่จำเป็นต่อการทำงานองค์กร เช่น สิทธิ์การเข้าถึงหรือ Automation ขั้นสูง ต้องเสียเงินเพื่อใช้งาน
แผนราคา
Trello มีแผนการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรขนาดใหญ่ โดยแบ่งออกเป็น:
- Free (ฟรี): แผนพื้นฐานที่ให้คุณสร้างบอร์ดได้ไม่จำกัดจำนวน ใช้งานได้สูงสุด 10 บอร์ดต่อ Workspace มีฟีเจอร์การจัดการการ์ด การมอบหมายงาน และใช้ Power-Up ได้ 1 รายการต่อบอร์ด เช่น Calendar หรือ Google Drive เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนตัวหรือทีมขนาดเล็กที่ไม่มีความซับซ้อนมาก
- Standard: สำหรับทีมที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ระบบ Custom Fields, Advanced Checklists และการจัดการสิทธิ์ ค่าบริการประมาณ $5/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Premium: เพิ่มมุมมองขั้นสูง เช่น Timeline, Calendar, Map และ Dashboard พร้อมระบบ Template และ Automation ที่ละเอียดมากขึ้น เหมาะสำหรับทีมที่ทำงานร่วมกันหลายโปรเจกต์ ค่าบริการประมาณ $10/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Enterprise: สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการการควบคุมด้านความปลอดภัย การจัดการผู้ใช้แบบรวมศูนย์ และการสนับสนุนเฉพาะทาง โดยราคาขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้และบริการที่เลือก ต้องติดต่อทีมขายของ Trello เพื่อขอใบเสนอราคา
Notion – ครอบจักรวาล ปรับแต่งได้ตามใจ
เหมาะกับใครและงานประเภทไหน
Notion เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดระเบียบความรู้ จัดทำเอกสาร หรือสร้างฐานข้อมูลของตนเอง เช่น นักเรียน นักศึกษา ฟรีแลนซ์ นักออกแบบ UX/UI หรือนักพัฒนา ที่ต้องการจัดการโน้ตและโปรเจกต์ในรูปแบบ All-in-One โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลายแอป
จุดเด่นของ Notion
Notion เป็นมากกว่าเครื่องมือจัดการงาน เพราะมันสามารถใช้เป็นระบบจัดการความรู้ (Knowledge Base), ฐานข้อมูล, การวางแผนงาน และการจดบันทึกแบบ All-in-One ที่ให้ความยืดหยุ่นสูงสุด
- สร้างและปรับแต่งหน้าเพจได้ตามใจ ใส่ตาราง ปฏิทิน รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ Embed โปรแกรมจากภายนอกได้
- เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการวางระบบของตัวเองหรือสร้าง Dashboard ส่วนตัว
- เป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน นักศึกษา และทีมสตาร์ทอัปที่ต้องการระบบแบบเบ็ดเสร็จในหน้าเดียว
ข้อจำกัดของ Notion
- การตั้งค่าและการใช้งานในช่วงแรกอาจใช้เวลาศึกษาพอสมควร
- ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ Project Management แบบเข้มข้น เช่น การแจ้งเตือน หรือติดตามงานตามเวลาจริง
แผนราคา Notion
Notion มีแผนการใช้งานที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กร โดยแบ่งออกเป็น:
- Free (ฟรี): เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการจดบันทึก วางแผน หรือจัดการโปรเจกต์แบบเบื้องต้น โดยสามารถสร้างหน้าข้อมูลได้ไม่จำกัดจำนวน ใช้งานได้ทั้งบน Desktop และ Mobile รองรับการแชร์และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้สูงสุด 10 คนต่อหน้า (Page)
- Plus: สำหรับบุคคลหรือทีมขนาดเล็กที่ต้องการการทำงานร่วมกันที่คล่องตัวยิ่งขึ้น มีฟีเจอร์เสริมเช่น Version History ย้อนหลังได้ 30 วัน, การอัปโหลดไฟล์ใหญ่ขึ้น และจำนวน Block ที่สูงขึ้น ค่าบริการอยู่ที่ประมาณ $8/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Business: เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการฟีเจอร์การจัดการทีมระดับองค์กร เช่น Advanced Permissions, การดูแลระบบ Workspace, การเชื่อมต่อกับระบบภายนอก (Integrations) และการทำงานร่วมกันในทีมขนาดใหญ่ ราคาประมาณ $15/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Enterprise: สำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง การบริหารจัดการผู้ใช้แบบรวมศูนย์ และฟีเจอร์เฉพาะองค์กร ต้องติดต่อทีมขายของ Notion เพื่อขอใบเสนอราคา
ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นใช้ Notion ได้ฟรีโดยไม่มีข้อผูกมัด และสามารถอัปเกรดได้เมื่อมีความต้องการเพิ่มขึ้น
ClickUp – รวมข้อดีของทุกเจ้าไว้ในแอปเดียว
เหมาะกับใครและงานประเภทไหน
ClickUp เหมาะสำหรับทีมที่มีหลายแผนกหรือต้องจัดการงานซับซ้อน เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด, ทีมโปรดักชัน หรืองานที่มีหลายขั้นตอนต้องติดตามและวัดผลได้ในระยะยาว เหมาะกับองค์กรที่ต้องการรวมทุกการทำงานในระบบเดียว ลดการใช้หลายแอปแยกกัน
จุดเด่นของ ClickUp
ClickUp เป็นแพลตฟอร์มที่ผสมผสานจุดเด่นของ Asana, Trello และ Notion เข้าด้วยกัน เหมาะกับทีมที่มีความซับซ้อนในการทำงานสูง หรือองค์กรที่ต้องการบริหารงานทั้งระบบในที่เดียว
- รองรับการจัดการงานหลายระดับด้วย Task Hierarchy
- มีฟีเจอร์ขั้นสูงเช่น Time Tracking, Goal Setting, Custom Dashboard และ AI ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
- ปรับแต่งได้สูง เหมาะสำหรับองค์กรที่มีหลายทีม หลายโปรเจกต์
ข้อจำกัดของ ClickUp
- มีความซับซ้อนพอสมควร อินเตอร์เฟซอาจทำให้ผู้ใช้ใหม่รู้สึกสับสน
- แม้จะมีเวอร์ชันฟรี แต่ฟีเจอร์ที่จำเป็นในระดับองค์กรต้องสมัครแบบเสียเงิน
แผนราคา ClickUp
ClickUp มีแผนราคาและระดับการใช้งานที่หลากหลาย รองรับตั้งแต่บุคคลทั่วไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่:
- Free (ฟรี): เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานและทีมขนาดเล็ก มีฟีเจอร์พื้นฐานครบถ้วน เช่น Task Management, Whiteboards, Docs, Time Tracking, Kanban Board, และ Integrations กับแอปอื่น เช่น Google Drive, Slack หรือ Zoom สามารถใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนงานและสมาชิกภายในทีม
- Unlimited: สำหรับทีมที่เติบโตขึ้น ต้องการพื้นที่ในการทำงานมากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ Automation, Goal Tracking, การจัดการผู้ใช้อย่างยืดหยุ่น และการปรับแต่ง Workflow ค่าบริการประมาณ $7/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Business: เหมาะสำหรับทีมขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการการควบคุมโปรเจกต์ในระดับองค์กร เช่น Advanced Dashboard, Custom Export, Time Estimates, และ Workload Management ราคาประมาณ $12/ผู้ใช้/เดือน (เมื่อชำระรายปี)
- Enterprise: สำหรับองค์กรที่ต้องการฟีเจอร์ระดับสูงสุด เช่น Single Sign-On (SSO), HIPAA Compliance, Advanced API Access, การควบคุมสิทธิ์แบบละเอียด และบริการสนับสนุนระดับ Priority โดยต้องติดต่อฝ่ายขายของ ClickUp เพื่อขอใบเสนอราคา
ClickUp เป็นเครื่องมือที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นแบบฟรีโดยไม่จำกัดจำนวนงานหรือสมาชิก ทำให้สามารถทดลองใช้งานและขยายการใช้งานได้ตามขนาดของทีมและความต้องการที่เพิ่มขึ้น
เปรียบเทียบ Project Management Apps ทั้ง 4 ตัว
ฟีเจอร์หลัก / แอป | Asana | Trello | Notion | ClickUp |
---|---|---|---|---|
ความง่ายในการใช้งาน | ปานกลาง | ง่ายมาก | ปานกลาง | ยากสำหรับมือใหม่ |
การจัดการงานแบบทีม | ดีมาก | ปานกลาง | ดี | ดีมาก |
การแสดงผลงาน | หลายรูปแบบ | Kanban | ปรับแต่งได้ | หลายรูปแบบ |
การเชื่อมต่อแอปอื่น | ดีมาก | ดี | ปานกลาง | ดีมาก |
ฟีเจอร์ขั้นสูง | ต้องเสียเงิน | ต้องเสียเงิน | บางส่วน | มีมาก (บางส่วนเสียเงิน) |
เหมาะกับใคร | ทีมงานที่มีโครงสร้าง | บุคคลทั่วไป/ทีมเล็ก | ผู้ชอบปรับแต่ง | ทีมใหญ่/องค์กร |
สรุป: Project Management Apps ตัวไหนดีที่สุด
การเลือกใช้ Project Management Apps ที่เหมาะสมกับทีมและลักษณะการทำงานของคุณ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของฟีเจอร์หรือราคา แต่คือการเลือกเครื่องมือที่จะช่วยให้การบริหารงานเป็นระบบมากขึ้น ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น และลดความซับซ้อนในการทำงานประจำวัน
- หากคุณต้องการระบบที่มีโครงสร้าง เหมาะกับงานโปรเจกต์ร่วมกันในองค์กร Asana คือคำตอบ
- ถ้าคุณมองหาเครื่องมือใช้งานง่าย เข้าใจเร็ว เหมาะกับการวางแผนงานทั่วไป Trello จะตอบโจทย์ที่สุด
- สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ปรับแต่งได้อิสระและรองรับการจดบันทึก วางระบบความรู้ Notion คือทางเลือกที่น่าสนใจ
- แต่ถ้าคุณต้องการระบบ All-in-One ที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว มีความยืดหยุ่นและฟีเจอร์ครบ ClickUp คือเครื่องมือที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง
เครื่องมือทุกตัวมีจุดแข็งและจุดที่ต้องพิจารณาต่างกัน ดังนั้นควรทดลองใช้งานเวอร์ชันฟรีก่อน แล้วประเมินว่าเครื่องมือใดสอดคล้องกับวิธีการทำงานของคุณมากที่สุด แต่ถ้าคุณเน้นเรื่องประสิทธิภาพแนะนำ Productivity Apps 2025
เกี่ยวกับ SME Jump
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ SME ที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในโลกออนไลน์ SME Jump ให้บริการทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร
- บริการโฆษณา Google Ads, Facebook Ads, LINE Ads Platform
- ออกแบบ Landing Page และจัดทำ Content ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: [email protected]
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ