Google อัปเดตล่าสุด 2025

Google อัปเดตล่าสุด 2025

7 เทรนด์ AI บน Google Search ที่นักการตลาดออนไลน์ต้องรู้

Google I/O 2025 ได้เปิดตัวนวัตกรรมที่เขย่าวงการค้นหาและการตลาดดิจิทัลอีกครั้ง โดยเฉพาะการพัฒนา AI ที่ผสานเข้ากับประสบการณ์ผู้ใช้ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทความนี้จะสรุป 7 ไฮไลต์สำคัญจาก Think with Google ที่นักการตลาดและผู้ทำธุรกิจออนไลน์ควรจับตามอง พร้อมแนวทางปรับตัวให้ทันกับโลกการค้นหายุคใหม่

1. AI Mode บน Google Search: การค้นหายุคใหม่ที่เข้าใจมนุษย์มากขึ้น

AI Mode เป็นโหมดใหม่ใน Google Search ที่เริ่มเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในสหรัฐอเมริกา หลังจากทดลองใน Search Labs มาแล้วระยะหนึ่ง จุดเด่นคือการยกระดับระบบค้นหาให้เข้าใจภาษาธรรมชาติได้ดีขึ้น โดยเฉพาะกับคำถามซับซ้อนที่มีหลายมิติ

ตัวอย่าง: แทนที่จะค้นหาว่า “คาเฟ่นั่งทำงานแถวอโศก” ผู้ใช้สามารถถามว่า:
“ขอคาเฟ่ที่นั่งทำงานได้ เงียบๆ แถวอโศก ใกล้ MRT มีปลั๊กไฟ และเปิดเช้าหน่อย”

ระบบจะเข้าใจทุกประเด็นย่อย และใช้เทคนิคที่เรียกว่า “fan-query” ซึ่งจะแตกคำถามออกเป็นหลายส่วน ไปหาคำตอบแบบเรียลไทม์จากหลายแหล่ง แล้วประมวลผลออกมาเป็นคำตอบเดียวที่ครอบคลุม

ผลลัพธ์: คำตอบที่ได้จะมีความแม่นยำ เจาะลึก และสอดคล้องกับบริบทผู้ใช้มากกว่าเดิม

2. พฤติกรรมการค้นหาที่เปลี่ยนไป: โอกาสใหม่ของนักการตลาด

ผู้ใช้ที่ทดลอง AI Mode มีแนวโน้มที่จะพิมพ์คำค้นหาที่ยาวขึ้น 2-3 เท่า เพราะมั่นใจว่าระบบเข้าใจภาษาธรรมชาติได้ดีขึ้น นี่คือโอกาสที่แบรนด์สามารถสร้างคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กับการค้นหาที่ซับซ้อนและเจาะจงได้มากขึ้น

กลยุทธ์แนะนำ:

• สร้างคอนเทนต์ที่ตอบคำถามเฉพาะเจาะจง
• ใช้ภาษาธรรมชาติและบริบทผู้ใช้จริง
• ปรับ SEO ให้รองรับการค้นหายาว (Long-tail keywords)

3. Search Live: ค้นหาผ่านกล้องแบบเรียลไทม์

Google เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Search Live ที่ให้ผู้ใช้โต้ตอบกับกล้องมือถือและ AI แบบเรียลไทม์ เช่น ถ้าคุณเจอสินค้าชิ้นหนึ่งที่ร้านแล้วสงสัยว่ามันคืออะไร ใช้ทำอะไรได้ หรือมีรุ่นไหนที่คล้ายกันบ้าง แค่ยกกล้องขึ้นแล้วถาม AI ก็จะให้คำตอบทันทีในบริบทนั้น

ผลกระทบต่อการตลาด:

• แบรนด์ต้องเตรียมคอนเทนต์ภาพที่เข้าใจง่ายและเหมาะกับการแสดงผลผ่านกล้อง
• ควรมีข้อมูลสินค้าเชิงลึกที่ AI สามารถดึงไปใช้ตอบคำถามผู้ใช้

4. AI Overviews: คำตอบที่สรุปให้เสร็จในหน้าค้นหาเดียว

AI Overviews คือฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้โมเดล Gemini 2.5 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดของ Google ที่ฉลาดที่สุดในปัจจุบัน หน้าที่ของมันคือสรุปผลการค้นหาในรูปแบบที่อ่านง่าย ครอบคลุม และเข้าใจง่าย

ตัวอย่างการใช้งาน:
หากผู้ใช้ค้นหาว่า “ถ้าฉันจะพาสุนัขขึ้นเครื่องบินต้องทำยังไง”
AI จะรวบรวมข้อมูลจาก:

• นโยบายสายการบิน
• รีวิวประสบการณ์จริง
• คำแนะนำจากสัตวแพทย์

แล้วสรุปเป็นคำตอบเดียวที่ผู้ใช้อ่านแล้วเข้าใจทันที

ผลลัพธ์เชิงตัวเลข:

• มีผู้ใช้งาน AI Overviews มากกว่า 1.5 พันล้านคนต่อเดือน
• ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ
• ทำให้การค้นหาในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐและอินเดียเพิ่มขึ้นกว่า 10%

คำถามที่นักการตลาดต้องคิด:

• ถ้า AI นำเนื้อหาของคุณไปแสดงผล แบรนด์ของคุณจะยังถูกจดจำหรือไม่?
• เว็บไซต์ของคุณพร้อมหรือยังสำหรับการถูกใช้เป็นข้อมูลตั้งต้นโดย AI?

5. Shop with AI Mode: ประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่

Google ผสาน AI Gemini เข้ากับ Shopping Graph ซึ่งมีสินค้ากว่า 50,000 ล้านรายการ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างคำค้น: “อยากได้กระเป๋าเดินทางน่ารักๆ สำหรับไปเที่ยวช่วงหน้าฝน”

AI จะเข้าใจบริบท เช่น ต้องกันน้ำ น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวก และแสดงผลลัพธ์ที่ตรงใจ พร้อมรูปภาพและฟีเจอร์ใหม่อย่าง:

• Agentic checkout: ติดตามราคาสินค้า และสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าค้นหา

คำแนะนำสำหรับร้านค้า:

• ศึกษาวิธีเพิ่มสินค้าใน Shopping Graph
• ปรับโครงสร้างข้อมูลให้ AI เข้าใจง่ายและสามารถแนะนำสินค้าได้

6. Virtual Try-On และ AI สำหรับแฟชั่น

Google เปิดตัวฟีเจอร์ “ลองสวม” สำหรับเสื้อผ้ากว่า 1 พันล้านชิ้น ผ่าน Search Labs เพียงถ่ายรูปตัวเองแล้วอัปโหลดเข้าไป AI จะประมวลผล:

• รูปร่าง
• เนื้อผ้า
• ทิศทางของแสง

แล้วแสดงผลว่าชุดนั้นใส่แล้วหน้าตาเป็นอย่างไรจริงๆ

ผลลัพธ์:

• เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ซื้อแฟชั่นออนไลน์
• ลดอัตราการคืนสินค้า

ข้อแนะนำสำหรับแบรนด์แฟชั่น:

• เตรียมภาพสินค้าและข้อมูลให้พร้อมสำหรับระบบ AI
• สร้างเนื้อหาภาพที่เหมาะกับการ “ลองสวมแบบเสมือน”

7. Gemini: ผู้ช่วยส่วนตัว AI ที่เข้าใจชีวิตจริงมากขึ้น

Google พัฒนา Gemini ให้เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ เช่น Gmail, Calendar และ Maps เพื่อให้สามารถวางแผนและจัดการชีวิตผู้ใช้ได้แบบอัจฉริยะ เช่น ถ้าผู้ใช้ต้องการไปดูคอนเสิร์ต Gemini จะ:

• ตรวจสอบตารางเวลาใน Calendar
• หาร้านอาหารใกล้สถานที่
• จองร้านให้เสร็จภายในการพูดคุยครั้งเดียว

ฟีเจอร์เด่น:

• Gemini Live: พูดคุยกับ AI ได้ด้วยเสียงแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องพิมพ์ข้อความ

ข้อมูลเชิงพฤติกรรม: การใช้เสียงสนทนากับ AI ใช้เวลานานกว่าการพิมพ์ถึง 5 เท่า แสดงว่าผู้ใช้รู้สึกว่า “พูด” กับ AI ให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า

แนวทางสำหรับนักการตลาด:

• เริ่มคิด Customer Journey ในช่องทางเสียง
• เตรียมคอนเทนต์ที่สามารถใช้ในบทสนทนาได้

8. Veo 3, Imagen 4 และ Flow: เครื่องมือใหม่สำหรับการสร้างคอนเทนต์

Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับครีเอเตอร์และนักการตลาด ได้แก่:

• Veo 3: สร้างวิดีโอพร้อมเสียง เช่น เสียงเมือง เสียงนก หรือเสียงพูดภาษาไทย
• Imagen 4: สร้างภาพความละเอียด 2K ตามคำสั่ง
• Flow: เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI โดยสามารถ:
  • วางโครงเรื่อง
  • สร้างฉากตามธีม
  • จัดมู้ดและโทนภาพ
  • export เป็นวิดีโอคุณภาพสูงได้ทันที

ผลกระทบต่อวงการการตลาด:

• ลดต้นทุนการผลิตคอนเทนต์
• เพิ่มความเร็วในการทดลองและปรับปรุงแคมเปญ

สรุป: Google อัปเดตล่าสุด 2025

การอัปเดตของ Google ในปี 2025 บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่กลายเป็นหัวใจของการค้นหา การซื้อขาย และการสื่อสารทางการตลาดในทุกมิติ

นักการตลาดควรเริ่มต้น:

• ศึกษาฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้
• ปรับกลยุทธ์คอนเทนต์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้ที่เปลี่ยนไป
• เตรียมระบบหลังบ้านให้ AI เข้าใจและใช้งานข้อมูลได้อย่างราบรื่น

เกี่ยวกับ SMEJUMP

SMEJUMP คือผู้ให้บริการรับทำโฆษณา Google Ads แบบครบวงจร ที่เชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ออนไลน์ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงแบรนด์ที่ต้องการเร่งเติบโตในยุค AI และ Search รูปแบบใหม่

บริการหลักของ SMEJUMP ได้แก่:

• วางแผนคอนเทนต์ให้เหมาะกับ AI Search และ Long-tail keywords
• จัดการโฆษณา Google Ads, Meta Ads และแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ
• สร้างเว็บไซต์และระบบวิเคราะห์ข้อมูลให้พร้อมต่อการใช้งานของ AI
• ทำ Data-driven Marketing และ Performance Tracking แบบมืออาชีพ