15 บริษัทการตลาดออนไลน์ราคาไม่แพง
รวบรวม 15 บริษัทการตลาดออนไลน์ราคาไม่แพง ที่มีค่าบริการเริ่มต้นไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน
15 บริษัทการตลาดออนไลน์ราคาไม่แพง 2026
การตลาดออนไลน์กลายเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจยุคใหม่ แต่หลายธุรกิจ SME ยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง วันนี้เรารวบรวม 15 บริษัทการตลาดออนไลน์ราคาไม่แพง ที่มีค่าบริการเริ่มต้นไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน พร้อมบริการครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตบนโลกดิจิทัล
ทำไมธุรกิจ SME ต้องทำการตลาดออนไลน์?
ในยุคที่ผู้บริโภคใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน การมีแผนการตลาดออนไลน์ที่ดีคือกุญแจสู่ความสำเร็จ:
- เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย – โฆษณาออนไลน์สามารถกำหนด Demographics, Interests และพฤติกรรมได้แม่นยำ
- วัดผลได้ชัดเจน – รู้ว่าเงินที่ลงทุนไปให้ผลตอบแทนเท่าไหร่
- ปรับกลยุทธ์ได้ทันที – ไม่ต้องรอเหมือนสื่อแบบเดิม สามารถแก้ไขและปรับปรุงได้ Real-time
- งบประมาณยืดหยุ่น – เริ่มต้นได้ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่นบาท ตามความพร้อม
- แข่งขันได้กับธุรกิจใหญ่ – ถ้ามีกลยุทธ์ที่ดี ธุรกิจเล็กก็สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่ได้
1. SME Jump – บริการการตลาดออนไลน์ครบวงจร Premier Google Partner
SME Jump คือเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลที่ได้รับการรับรองเป็น Premier Google Partner มีประสบการณ์มากกว่า 13 ปี ในการช่วยธุรกิจ SME เติบโตบนโลกออนไลน์ ด้วยบริการครบวงจรที่ครอบคลุมทุก Touchpoint ของลูกค้า
บริการการตลาดออนไลน์ครบวงจร
- การออกแบบ Landing Page และ Sales Page
ออกแบบตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ เน้น Conversion และ User Experience ทำงานได้ดีบนทุกอุปกรณ์แบบ Responsive
- บริการออกแบบกราฟิก
ราคาเริ่มต้น 900 บาทต่อภาพ แก้ไขได้ไม่เกิน 3 ครั้ง สไตล์ที่ทันสมัยและตรงกลุ่มเป้าหมาย
- โฆษณาแบบ Multi-Platform
สามารถยิงโฆษณาได้บนหลายแพลตฟอร์ม ได้แก่:
- Google Ads – เข้าถึงคนที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณ
- Facebook Ads – สร้าง Engagement และ Brand Awareness
- TikTok Ads – เข้าถึง Gen Z และคนรุ่นใหม่
- YouTube Ads – เล่าเรื่องแบรนด์ผ่านวิดีโอ
- LINE Ads – เจาะกลุ่มผู้ใช้งานใน Thailand
ไม่จำกัดจำนวนแคมเปญ แต่จะวางแผนให้เหมาะสมกับงบโฆษณาของคุณ
แพ็คเกจ SME Starter Pack – เพียง 4,500 บาท/เดือน
แพ็คเกจพิเศษสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเริ่มต้นการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
บริการที่รวมอยู่ในแพ็คเกจ:
- คิดและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เหมาะกับธุรกิจ
- เขียนข้อความโฆษณาที่ดึงดูดและตรงกลุ่มเป้าหมาย
- ติดตั้ง Conversion Tracking เพื่อวัดผลที่แม่นยำ
- ติดตั้ง Google Analytics 4 (GA4) ฟรี
- ส่งรายงานทุกอาทิตย์ เพื่อให้คุณติดตามผลได้แบบ Real-time
- ประชุมออนไลน์ทุกเดือน วางแผนและรับฟีดแบ็คร่วมกัน
- Optimize แคมเปญอย่างสม่ำเสมอ ปรับแต่งตามข้อมูลที่ได้รับ
จุดเด่นที่ทำให้ SME Jump แตกต่าง
- Premier Google Partner – การันตีความเชี่ยวชาญจาก Google โดยตรง เข้าถึงฟีเจอร์ Beta และเครื่องมือพิเศษ ได้รับ Support โดยตรงจากทีมงาน Google Ads
- ใช้ AI ในการปรับแต่งโฆษณา – ใช้เทคโนโลยี Machine Learning ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ปรับ Bid Strategy อัตโนมัติเพื่อ ROI สูงสุด ทดสอบโฆษณาหลายรูปแบบพร้อมกัน
- ทีมผู้ดูแลเฉพาะของคุณ – ติดต่อโดยตรงกับทีมที่ดูแลแคมเปญของคุณ ไม่ต้องผ่าน AE ได้รับความใส่ใจและติดตามผลอย่างใกล้ชิด เข้าใจธุรกิจและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมตลอดเวลา
- ความเชี่ยวชาญในทุกอุตสาหกรรม – มีประสบการณ์ทำงานกับธุรกิจหลากหลายประเภท ใช้เวลาในการทำความเข้าใจธุรกิจของคุณอย่างลึกซึ้ง ปรับแต่งกลยุทธ์ให้เฉพาะเจาะจงกับแต่ละอุตสาหกรรม
เว็บไซต์: https://www.smejump.co.th/
2. Ario Marketing
Ario Marketing เป็นเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นการสร้างกลยุทธ์ที่วัดผลได้ มีทีมงานที่มีประสบการณ์ในการวางแผนและดำเนินการแคมเปญการตลาดแบบครบวงจร
เว็บไซต์: https://ariomarketing.co.th/
3. iPlan Digital
iPlan Digital ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ มีความเชี่ยวชาญในการทำ Digital Strategy, Social Media Marketing และ Content Creation
เว็บไซต์: https://www.iplandigital.co.th/
4. Ads Now
Ads Now เชี่ยวชาญด้านการจัดการโฆษณาออนไลน์ เน้นการให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและวัดผลได้ มีประสบการณ์ในหลากหลายแพลตฟอร์ม
เว็บไซต์: https://adsnowvalues.com/
5. Move On Marketing
Move On Marketing มุ่งเน้นการช่วยให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ทันสมัย มีบริการครบวงจรตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการดำเนินการ
เว็บไซต์: https://www.moveonmarketing.com/
6. Pine Marketing Design
Pine Marketing Design ผสมผสานระหว่าง Marketing และ Design เข้าด้วยกัน มีความเชี่ยวชาญในการสร้าง Brand Identity และ Visual Communication
เว็บไซต์: https://pinemarketingdesign.co.th/
7. Nerd Optimize
Nerd Optimize เน้นการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อปรับแต่งแคมเปญให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีความเชี่ยวชาญด้าน Performance Marketing
เว็บไซต์: https://nerdoptimize.com/
8. Digital Agency Bangkok
Digital Agency Bangkok ให้บริการการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจร มีทีมงานที่พร้อมดูแลและพัฒนาธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์
เว็บไซต์: https://digitalagencybangkok.com/
9. iTopPlus
iTopPlus มีความเชี่ยวชาญในการทำเว็บไซต์ และ Digital Marketing มุ่งเน้นการช่วยให้ธุรกิจติดอันดับบน Search Engine
เว็บไซต์: https://www.itopplus.com/
10. Fastwork
Fastwork เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลหลายราย ให้คุณเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ มีระบบรีวิวและการันตีความปลอดภัย
เว็บไซต์: https://fastwork.co/
11. CJ Soft
CJ Soft เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยี สามารถบูรณาการการตลาดดิจิทัลเข้ากับระบบต่างๆ ได้ดี เช่น CRM และ E-commerce Platform
เว็บไซต์: https://www.cjsoft.co.th/
12. Go Online Thailand
Go Online Thailand ช่วยให้ธุรกิจขยายตลาดสู่โลกออนไลน์ มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์
เว็บไซต์: https://goonlinethailand.com/
13. Sellsuki
Sellsuki เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดสำหรับธุรกิจ E-commerce มีเครื่องมือและระบบที่ช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เว็บไซต์: https://www.sellsuki.co.th/
14. Pacy Media
Pacy Media เน้นบริการด้าน Search Engine Marketing และ Content Marketing มีทีมงานที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและการค้นหาบนอินเทอร์เป็นอย่างดี
เว็บไซต์: https://pacymedia.com/
15. SME Marketing Center
SME Marketing Center มุ่งเน้นการให้บริการกับธุรกิจ SME โดยเฉพาะ มีแพ็คเกจที่เหมาะสมกับงบประมาณของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง
เว็บไซต์: https://www.smemarketingcenter.com/
ปัญหาที่ธุรกิจ SME มักเจอเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์
1. ไม่มีเวลาทำการตลาด
เจ้าของธุรกิจ SME มักต้องรับผิดชอบหลายหน้าที่พร้อมกัน ตั้งแต่การขาย ดูแลสต็อก บริหารพนักงาน จนไม่มีเวลาพอที่จะนั่งวางแผนและดูแลการตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง
วิธีแก้: การจ้างเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์จะช่วยประหยัดเวลาและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า คุณสามารถโฟกัสที่การดูแลธุรกิจหลัก ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญดูแลการตลาดให้
2. ทำเองแล้วไม่เห็นผล
หลายธุรกิจพยายามทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือทำแล้วไม่เห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า เงินที่ลงไปกับโฆษณาหายไปโดยไม่มียอดขาย
สาเหตุที่พบบ่อย:
- ไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
- ใช้คีย์เวิร์ดหรือ Interest Targeting ไม่ถูกต้อง
- เนื้อหาโฆษณาไม่น่าสนใจหรือไม่ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ
- Landing Page โหลดช้าหรือไม่เอื้อต่อการซื้อ
- ไม่ได้ติดตาม Conversion จึงไม่รู้ว่าโฆษณาให้ผลจริงหรือไม่
วิธีแก้: ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยวิเคราะห์และหาจุดที่ต้องปรับปรุง พร้อมทั้งติดตั้งระบบวัดผลที่ถูกต้อง เพื่อให้เห็นว่าเงินที่ลงไปคุ้มค่าหรือไม่
3. จ้างเอเจนซี่แพงเกินไป
หลายเอเจนซี่ขนาดใหญ่มักมีค่าบริการสูง ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทต่อเดือน ซึ่งไม่เหมาะกับธุรกิจ SME ที่มีงบประมาณจำกัด
วิธีแก้: เลือกเอเจนซี่ที่เข้าใจและเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน SME มีแพ็คเกจที่ยืดหยุ่นและราคาเหมาะสม โดยไม่ลดทอนคุณภาพของการบริการ
4. ไม่รู้จะเลือกช่องทางไหนดี
โลกการตลาดออนไลน์มีช่องทางมากมาย ทั้ง Google, Facebook, Instagram, TikTok, LINE, YouTube ทำให้ธุรกิจ SME สับสนว่าควรเริ่มจากไหนและใช้งบเท่าไหร่ในแต่ละช่องทาง
วิธีแก้: ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยวิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน และแนะนำช่องทางที่เหมาะสมที่สุดตามงบประมาณที่มี
บริการการตลาดออนไลน์ที่ธุรกิจ SME ควรมี
1. การโฆษณาแบบ Pay-Per-Click (PPC)
Google Ads
แสดงโฆษณาเมื่อมีคนค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการยอดขายทันที วัดผลได้ชัดเจน รู้ว่าใช้เงินไปเท่าไหร่ได้ยอดขายกลับมากี่บาท
Facebook และ Instagram Ads
เข้าถึงคนได้กว้างขวาง มากกว่า 50 ล้านคนในไทย กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำตาม Interests และ Behaviors เหมาะกับการสร้าง Brand Awareness และ Engagement
TikTok Ads
เข้าถึง Gen Z และคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ เนื้อหาแบบวิดีโอสั้น Viral ง่าย Cost Per Click ยังต่ำกว่าแพลตฟอร์มอื่น
LINE Ads
เจาะกลุ่มผู้ใช้งานใน Thailand โดยเฉพาะ Engagement Rate สูง เพราะคนเปิด LINE ทุกวัน เหมาะกับการส่งโปรโมชั่นและข้อมูลข่าวสาร
2. การทำ SEO (Search Engine Optimization)
SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google โดยไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณา แม้จะใช้เวลานานกว่า PPC แต่ผลที่ได้จะอยู่นานและคุ้มค่าในระยะยาว
ข้อดีของ SEO:
- ไม่ต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่มีคนคลิก
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
- Traffic ที่ได้มีคุณภาพสูง เพราะเป็นคนที่กำลังหาข้อมูลจริงๆ
3. Content Marketing
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Blog, Infographic, Video หรือ Podcast
ประโยชน์:
- สร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ
- ช่วยในการทำ SEO
- สามารถนำไปใช้ซ้ำได้หลายครั้งหลายช่องทาง
4. Social Media Marketing
การสร้างและดูแล Community บน Social Media เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
กิจกรรมที่ควรทำ:
- โพสต์เนื้อหาที่น่าสนใจสม่ำเสมอ
- ตอบคำถามและข้อความจากลูกค้า
- จัดกิจกรรมหรือแคมเปญเพื่อเพิ่ม Engagement
- ใช้ Influencer หรือ KOL ช่วยโปรโมท
5. Email Marketing
การส่งอีเมลถึงฐานลูกค้าเพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น หรือเนื้อหาที่เป็นประโยชน์
ข้อดี:
- ROI สูงมาก (40 บาทต่อ 1 บาทที่ลงทุน ตามสถิติ)
- เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง
- สามารถ Personalize เนื้อหาตามพฤติกรรมลูกค้า
6. Landing Page และ Website Optimization
Landing Page ที่ดีจะช่วยเพิ่มอัตราการ Convert จากผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้าได้อย่างมาก
สิ่งที่ต้องมี:
- โหลดเร็ว (ภายใน 3 วินาที)
- Responsive บนทุกอุปกรณ์
- Call-to-Action ชัดเจน
- เนื้อหาตอบโจทย์และสร้างความเชื่อมั่น
วิธีเลือกบริษัทการตลาดออนไลน์ที่เหมาะกับธุรกิจ SME
1. ดูประสบการณ์และผลงาน
เลือกเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์อย่างน้อย 3-5 ปี และมีผลงานในอุตสาหกรรมที่คล้ายกับธุรกิจของคุณ ขอดู Case Study หรือตัวอย่างผลงานก่อนตัดสินใจ
2. ตรวจสอบการรับรอง (Certification)
บริษัทที่เป็น Google Partner หรือ Facebook Marketing Partner แสดงว่ามีความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะ Premier Google Partner ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
3. ความโปร่งใสในการทำงาน
เอเจนซี่ที่ดีควร:
- แยกค่าบริการกับงบโฆษณาออกจากกันชัดเจน
- ให้คุณเข้าถึง Account ของคุณเองได้
- ส่งรายงานสม่ำเสมอและอธิบายตัวเลขได้
- ยินดีตอบคำถามและให้คำปรึกษา
4. การสื่อสารและบริการหลังการขาย
ลองติดต่อและสอบถามก่อนตัดสินใจ ดูว่า:
- ตอบกลับเร็วไหม?
- ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือแค่พยายามขาย?
- มีที่ปรึกษาหรือผู้ดูแลเฉพาะหรือไม่?
- มีช่องทางติดต่อที่สะดวก?
5. ราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ
ราคาต่ำสุดอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป แต่ราคาแพงมากก็ไม่จำเป็นต้องดีกว่าเสมอ หาจุดสมดุลระหว่างคุณภาพและราคา โดยดูว่าบริการที่ได้รับคุ้มค่าหรือไม่
คำแนะนำ: สำหรับธุรกิจ SME ค่าบริการที่เหมาะสมอยู่ที่ 3,000-10,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจและบริการที่ต้องการ
เทรนด์การตลาดออนไลน์ที่ต้องรู้ในปี 2026
1. AI และ Automation ในการตลาด
AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการทำการตลาดออนไลน์:
- Automated Bidding – ระบบปรับราคาเสนออัตโนมัติเพื่อ ROI สูงสุด
- Chatbots – ตอบคำถามลูกค้าอัตโนมัติ 24/7
- Predictive Analytics – วิเคราะห์พฤติกรรมและคาดการณ์แนวโน้ม
- AI Content Creation – สร้างเนื้อหาและโฆษณาด้วย AI
2. Video Content และ Short-form Video
วิดีโอกลายเป็นเนื้อหาที่มี Engagement สูงที่สุด โดยเฉพาะวิดีโอสั้นๆ:
- TikTok – วิดีโอ 15-60 วินาที
- Instagram Reels – วิดีโอสั้นที่ Viral ง่าย
- YouTube Shorts – วิดียูทูปคลิปแบบสั้น คู่แข่ง TikTok
ทำไมธุรกิจ SME ต้องทำการตลาดออนไลน์?
ในยุคที่ผู้บริโภคใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน การมีแผนการตลาดออนไลน์ที่ดีคือกุญแจสู่ความสำเร็จ:
- เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย – โฆษณาออนไลน์สามารถกำหนด Demographics, Interests และพฤติกรรมได้แม่นยำ
- วัดผลได้ชัดเจน – รู้ว่าเงินที่ลงทุนไปให้ผลตอบแทนเท่าไหร่
- ปรับกลยุทธ์ได้ทันที – ไม่ต้องรอเหมือนสื่อแบบเดิม สามารถแก้ไขและปรับปรุงได้ Real-time
- งบประมาณยืดหยุ่น – เริ่มต้นได้ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่นบาท ตามความพร้อม
- แข่งขันได้กับธุรกิจใหญ่ – ถ้ามีกลยุทธ์ที่ดี ธุรกิจเล็กก็สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่ได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ค่าบริการการตลาดออนไลน์ราคาไม่แพงหมายถึงเท่าไหร่?
สำหรับธุรกิจ SME ค่าบริการที่ไม่แพงอยู่ในช่วง 3,000-5,000 บาทต่อเดือน สำหรับ Management Fee เท่านั้น โดยงบโฆษณาจริงจะแยกต่างหาก เช่น SME Jump เสนอแพ็คเกจ SME Starter Pack เพียง 4,500 บาท/เดือน ซึ่งรวมบริการครบถ้วนตั้งแต่การวางแคมเปญไปจนถึงการรายงานผล
ควรมีงบโฆษณาเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล?
ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและความแข่งขัน แต่โดยทั่วไป:
- ธุรกิจทั่วไป: 10,000-20,000 บาท/เดือน
- ธุรกิจแข่งขันสูง (เช่น ประกัน, การเงิน): 30,000-50,000 บาท/เดือน
- ธุรกิจเล็ก/ทดลอง: 5,000-10,000 บาท/เดือน
สิ่งสำคัญคือการจัดการงบอย่างมีประสิทธิภาพและการปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอ
จ้างเอเจนซี่ดีกว่าทำเองหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของธุรกิจ:
ควรจ้างเอเจนซี่ถ้า:
- ไม่มีเวลาหรือทีมงานที่จะทำเอง
- ต้องการผลลัพธ์เร็วและมีประสิทธิภาพ
- ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์
- งบโฆษณามากกว่า 20,000 บาท/เดือน (ค่าจ้างเอเจนซี่คุ้มค่า)
ควรทำเองถ้า:
- มีทีมงานที่มีความรู้และเวลา
- งบประมาณน้อยมาก (ต่ำกว่า 5,000 บาท/เดือน)
- ต้องการเรียนรู้และสะสมประสบการณ์
- ธุรกิจยังเล็กและทดลองตลาด
ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ผลระยะสั้น (1-2 สัปดาห์):
- เริ่มเห็น Traffic และ Impression จากโฆษณา
- มี Engagement บน Social Media
ผลระยะกลาง (1-3 เดือน):
- เริ่มเห็น Conversion และยอดขาย
- เก็บข้อมูลได้เพียงพอสำหรับการปรับแต่ง
ผลระยะยาว (3-6 เดือน):
- แคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ROI เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- สร้าง Brand Awareness ที่แข็งแกร่ง
การทำ SEO: อาจใช้เวลา 4-6 เดือนถึงจะเห็นผลชัดเจน
บริษัทการตลาดออนไลน์ช่วยอะไรได้บ้าง?
บริการทั่วไปที่เอเจนซี่มักให้ได้แก่:
การวางแผนกลยุทธ์:
- วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง
- กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- วางแผนแคมเปญ
การจัดการโฆษณา:
- ตั้งค่าและดูแลโฆษณาบนหลายแพลตฟอร์ม
- ปรับแต่ง Targeting และ Bidding
- A/B Testing
การสร้างเนื้อหา:
- เขียน Copy โฆษณา
- ออกแบบกราฟิก
- ผลิตวิดีโอ
การวัดผลและรายงาน:
- ติดตั้ง Analytics และ Tracking
- วิเคราะห์ข้อมูล
- ส่งรายงานและแนะนำการปรับปรุง
เอเจนซี่จะดูแลอย่างไร?
เอเจนซี่ที่ดีจะมีขั้นตอนการทำงานดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: Discovery & Strategy (สัปดาห์ที่ 1)
- พูดคุยและทำความเข้าใจธุรกิจ
- วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง
- วางแผนกลยุทธ์และแคมเปญ
ขั้นตอนที่ 2: Setup & Launch (สัปดาห์ที่ 2)
- ตั้งค่าบัญชีโฆษณา
- ติดตั้ง Tracking และ Analytics
- สร้างโฆษณาและ Landing Page
- เปิดแคมเปญ
ขั้นตอนที่ 3: Optimization (ต่อเนื่อง)
- ตรวจสอบผลทุกวัน
- ปรับแต่ง Bid, Targeting, Ad Copy
- ทดสอบโฆษณาแบบต่างๆ
- ส่งรายงานตามที่ตกลง (รายสัปดาห์/รายเดือน)
ขั้นตอนที่ 4: Review & Plan (ทุกเดือน)
- ประชุมสรุปผลและวางแผนเดือนถัดไป
- แนะนำการปรับกลยุทธ์
- ตอบคำถามและรับฟีดแบ็ค
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำการตลาดออนไลน์
1. ไม่กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
หลายธุรกิจเริ่มทำการตลาดโดยไม่รู้ว่าต้องการอะไร ทำให้วัดผลไม่ได้และไม่รู้ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
วิธีแก้: ตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง (SMART Goals) เช่น “เพิ่มยอดขายออนไลน์ 30% ภายใน 3 เดือน”
2. ไม่ติดตาม Conversion
ลงโฆษณาแล้วดูแค่ Click และ Impression แต่ไม่รู้ว่ามีคนซื้อหรือติดต่อจริงกี่คน
วิธีแก้: ติดตั้ง Conversion Tracking และ Google Analytics ตั้งแต่แรก
3. กำหนด Targeting กว้างเกินไป
พยายามเข้าถึงทุกคน ทำให้เสียเงินกับคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
วิธีแก้: กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แคบและชัดเจน ทดสอบกับกลุ่มเล็กก่อน แล้วค่อยขยาย
4. ไม่มีการทดสอบ (A/B Testing)
ใช้โฆษณาแบบเดียวตลอด ไม่รู้ว่ามีวิธีอื่นที่ได้ผลดีกว่าหรือไม่
วิธีแก้: ทดสอบโฆษณาหลายแบบ เปรียบเทียบผลลัพธ์ และเลือกใช้แบบที่ดีที่สุด
5. ละเลยการปรับแต่ง
ตั้งแคมเปญแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้ดูแลและปรับปรุง
วิธีแก้: ตรวจสอบผลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และปรับแต่งตามข้อมูลที่ได้
6. Landing Page ไม่ดีพอ
โฆษณาดี แต่หน้าเว็บที่พาไปโหลดช้า ข้อมูลไม่ครบ หรือยากต่อการสั่งซื้อ
วิธีแก้: ปรับปรุง Landing Page ให้โหลดเร็ว มี CTA ชัดเจน และตรงกับโฆษณา
สรุป: เลือกบริษัทการตลาดออนไลน์อย่างไรให้คุ้มค่า
การเลือกเอเจนซี่การตลาดออนไลน์ไม่ใช่แค่ดูราคา แต่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง:
1. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
- มี Certification จาก Google, Facebook
- มีผลงานและ Case Study ที่น่าเชื่อถือ
- เข้าใจธุรกิจ SME และความท้าทาย
2. ความโปร่งใสและการสื่อสาร
- รายงานสม่ำเสมอและชัดเจน
- ติดต่อได้ง่าย มีทีมดูแลเฉพาะ
- แยกค่าบริการกับงบโฆษณาชัดเจน
3. บริการที่ครบครอบคลุม
- มีบริการหลากหลายช่องทาง
- ช่วยตั้งแต่วางแผนไปจนถึงการปรับแต่ง
- มีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
4. ราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ
- ไม่ถูกจนน่าสงสัย ไม่แพงจนเกินไป
- บอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายชัดเจน
- มีแพ็คเกจที่เหมาะกับธุรกิจ SME
จาก 15 บริษัทที่เรานำเสนอวันนี้ แต่ละแห่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่หากมองหาเอเจนซี่ที่มีความน่าเชื่อถือระดับ Premier Google Partner บริการครบวงจร Multi-Platform สามารถติดต่อกับทีมได้โดยตรง และราคาเหมาะสำหรับธุรกิจ SME แล้ว SME Jump คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!



