7 เทรนด์การตลาดออนไลน์ปี 2026
7 เทรนด์การตลาดออนไลน์ 2026 ที่ SME ไทยต้องรู้ พร้อมกลยุทธ์งบจำกัดที่ใช้ได้จริง
7 เทรนด์การตลาดออนไลน์ปี 2026 สำหรับ SME ไทย
ปี 2026 คือปีที่การแข่งขันดุเดือด งบการตลาดถูกบีบ และผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมเร็วกว่าที่เคย แต่ในความท้าทายนี้มีโอกาสจำนวนมากซ่อนอยู่ หากรู้เทรนด์และลงมือก่อนคู่แข่ง บทความนี้จะพาคุณไปดู 7 เทรนด์การตลาดออนไลน์สำคัญที่ SME ไทยต้องใช้ให้เป็น พร้อมแนวทางนำไปใช้จริงแบบไม่ต้องใช้งบเยอะ
1) Live Commerce และ TikTok Shop: ช่องทางขายที่โตแรงที่สุดของไทย
Live Commerce โดยเฉพาะ TikTok Shop ยังคงเติบโตอย่างร้อนแรงมากที่สุดในปี 2026 จากข้อมูลในตลาดพบว่า GMV โตมากกว่า 500% ในรอบ 8 เดือน และยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
ทำไมช่องทางนี้ถึงมาแรงในไทย
- คนไทยใช้ TikTok เฉลี่ย 95 นาทีต่อวัน
- ยอดซื้อบน TikTok Shop เฉลี่ย 1.6 ล้านออเดอร์ต่อวัน
- ยอด Live พุ่งขึ้น 3.8 เท่า ในชั่วโมงแรกของแคมเปญใหญ่
- ผู้ขายไทยกว่า 2.4 ล้านราย และ 99% เป็นผู้ขายท้องถิ่น
กลยุทธ์ที่ SME ทำได้ทันที
- ไลฟ์สั้นแต่ถี่ 3–5 ครั้งต่อสัปดาห์ ดีกว่าไลฟ์ยาวครั้งเดียว
- ใช้แนวคิด
Shoppertainmentทำให้สนุก ดูเพลิน ไม่ขายตรงเกินไป - ร่วมงานกับ Micro-Influencer งบน้อยแต่ผลลัพธ์ดี
- เข้าร่วมแคมเปญ Mega Sale เพื่อเร่งยอดกระตุ้นการซื้อ
คำเตือน: ต้นทุนค่าคอมมิชชันและโฆษณาเพิ่มขึ้น ควรคำนวณกำไรต่อออเดอร์ให้ชัดเจน
2) AI Marketing: จากเทรนด์สู่โครงสร้างพื้นฐานของการตลาด
ปีนี้ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริม แต่เป็นพื้นฐานสำคัญที่นักการตลาดทุกคนต้องใช้ โดยเฉพาะในไทยที่ผู้บริโภคเริ่มคุ้นชินกับการสื่อสารระหว่างมนุษย์–AI มากขึ้น
พฤติกรรมผู้บริโภคไทยต่อ AI
- ผู้ใช้ AI ในไทย 84.3% ใช้ ChatGPT
- คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกตื่นเต้นและเปิดรับ AI
- คาดหวังแบรนด์สื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ ตอบไว และเข้าใจความต้องการ
วิธีใช้ AI สำหรับ SME งบน้อย
ด้านคอนเทนต์ & โฆษณา
- ให้ AI ช่วยคิดไอเดีย ทำคอนเทนต์ Draft ประหยัดเวลา 30–50%
- สร้างหลายเวอร์ชันสำหรับ A/B Testing
- วิเคราะห์คู่แข่งแบบเร็วและเป็นระบบ
ด้านบริการลูกค้า
- ใช้ AI Chatbot บนเว็บหรือ LINE OA
- ตั้งระบบตอบกลับให้ฉลาดขึ้นกว่า Auto-Reply ทั่วไป
- วิเคราะห์คำถามลูกค้าเพื่อหา Insight
ด้าน Personalization
- ส่งโปรโมชันเฉพาะบุคคลแบบแม่นยำ
- ใช้ AI ช่วยวางแผนสต็อกและคาดการณ์ยอดขาย
- ค้นหากลุ่มลูกค้าที่มี LTV สูงเพื่อลงทุนเพิ่ม
หากธุรกิจของคุณใช้โฆษณาออนไลน์เป็นช่องทางหลัก หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแคมเปญอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบน Google Ads ที่ต้องอาศัยทั้งการตั้งค่าที่แม่นยำและการตีความข้อมูลเชิงลึก การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งกลยุทธ์และเครื่องมือจึงช่วยลดต้นทุนที่สูญเปล่าและเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทรับทำ Google Ads เพื่อช่วยให้แคมเปญของคุณขับเคลื่อนได้อย่างเป็นระบบและคุ้มค่า
3) วิดีโอสั้น: คอนเทนต์ที่ทุกแบรนด์ต้องทำ
TikTok และ YouTube Shorts ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ดึง Attention สูงที่สุด และบังคับให้ทุกแบรนด์ต้องปรับตัวเป็น “Content Brand” แบบเต็มรูปแบบ
สูตรทำวิดีโอสั้นให้ดูจบ
3 – 5 – 15 วินาที
- 3 วินาทีแรก: ดึงความสนใจด้วยคำถาม/ภาพที่โดดเด่น
- 5 วินาทีถัดมา: ให้ประโยชน์หรือข้อมูลหลัก
- 15 วินาทีสุดท้าย: ผลักผู้ชมไปสู่ Call-to-Action
เทคนิคแบบประหยัดงบ
- ใช้มือถือคุณภาพดีแทนกล้องราคาแพง
- ตัดต่อด้วย Canva หรือ CapCut แบบ Template
- เกาะกระแสด้วยเทรนด์ แต่ปรับให้เข้ากับแบรนด์
- โพสต์สม่ำเสมอวันละ 1–2 คลิปเพื่อสร้าง Momentum
4) Micro-Influencer & KOC: ความน่าเชื่อถือที่สร้างได้จริง
อินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ไม่ได้ตอบโจทย์ทุกตลาดอีกต่อไป SME หันมาให้ความสำคัญกับ Micro-Influencer และ KOC (ลูกค้าจริง) ที่ให้ผลคุ้มค่ากว่า
ทำไมถึงได้ผลกับตลาดไทย
- คนไทย 35.6% อ่านรีวิวทุกครั้งก่อนซื้อ
- ลูกค้ารู้สึกว่ากลุ่มผู้ใช้จริงน่าเชื่อถือกว่าแบรนด์
- ต้นทุนต่ำกว่า แต่ Engagement สูงกว่า
วิธีนำไปใช้
- เลือก Influencer 5,000–50,000 Followers แต่มี ER 3–7%
- ทำสัญญาระยะยาวเพื่อให้คอนเทนต์ธรรมชาติและคุ้มกว่า
- เปิดแคมเปญ UGC ให้ลูกค้าช่วยรีวิวสินค้า
- ให้ของรางวัลเล็กๆ เช่นโค้ดส่วนลดหรือของแถม
5) Data-Driven Marketing: เลิกเดา เริ่มตัดสินใจจากข้อมูล
ยุคที่การตลาดใช้ความรู้สึกกำลังหมดไป ปี 2026 ต้องตัดสินใจด้วยข้อมูลจริงเท่านั้น
กลยุทธ์สำคัญ
- มอง Portfolio ROAS รวมทุกช่องทางแทนการแยกวิเคราะห์
- ใช้ GA4, Pixel, GTM วิเคราะห์ Conversion
- ทำ A/B Test สม่ำเสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา
- ดึงข้อมูลเข้า Google Sheets / Excel เพื่อหา Insight
ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล
- ค้นหารูปแบบที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น
- คาดการณ์เทรนด์ล่วงหน้าเพื่อตั้งงบเหมาะสม
- ค้นหากลุ่มลูกค้าที่กำไรสูงเพื่อทุ่มงบได้อย่างแม่นยำ
6) Micro-Community: ตลาดแตกเป็นกลุ่มย่อย SME ต้องเข้าถึงให้ถูกที่
ผู้บริโภคไม่ได้รวมตัวกันในแพลตฟอร์มใหญ่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่กระจายไปตาม Community ย่อยตามความสนใจ
ช่องทางที่ SME เข้าถึงได้ทันที
- Facebook Group / LINE Group เฉพาะทาง
- ให้ความรู้ ตอบคำถาม ไม่ขายตรง
- จัดกิจกรรมเล็กๆ เช่น Workshop หรือ Giveaway
- สร้าง Community ของแบรนด์เองเพื่อรักษาลูกค้าประจำ
นอกจากนี้ Community ออฟไลน์อย่างกลุ่มวิ่งหรือกลุ่มกิจกรรมพิเศษกำลังกลับมาได้รับความนิยม SME สามารถเข้าไปสนับสนุนเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ได้
7) ความยั่งยืน & Purpose Marketing: ทำจริง เล็กๆ แต่สื่อสารจริงใจ
แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ผู้บริโภคไทยยังสนใจเรื่องความยั่งยืน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ลำดับความสำคัญปีนี้คือ
Profit > People > Planet
วิธีทำแบบงบจำกัด
- ลดพลาสติกหรือใช้กล่องรีไซเคิลเป็นจุดเริ่มต้น
- สื่อสารความพยายาม ไม่ใช่ตัวเลขที่สวยงามเกินจริง
- เล่าเรื่องด้วยความจริงใจเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
- ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อคือการร่วมทำสิ่งดีๆ
หลีกเลี่ยง Greenwashing เพราะลูกค้าตรวจสอบได้ง่ายและสร้างความเสียหายระยะยาว
มุมมองสำคัญที่อยากฝากไว้สำหรับปี 2026
ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ใช้งบเยอะแล้วจะชนะ แต่คือปีที่ต้อง คิดไว ปรับไว และใช้ทุกบาทให้คุ้มที่สุด เทรนด์ทั้งหมดที่พูดถึงข้างต้น คือโอกาสที่ SME ไทยสามารถคว้าได้ทันทีหากรู้จักประยุกต์ให้เหมาะกับธุรกิจและลูกค้า
หลักคิดที่ช่วยให้เดินเกมการตลาดได้อย่างมั่นใจ
- Analytical Thinking + AI
ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ แต่ยังต้องอาศัยประสบการณ์และเหตุผลของมนุษย์ในการตัดสินใจ - Smart Budgeting
วางงบแบบยืดหยุ่น รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเร่ง เมื่อไหร่ควรประคอง - Creativity Within Constraints
งบน้อยไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างกว่าเดิม - Data with Purpose
ใช้ข้อมูลเพื่อสร้างคุณค่าจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขสวยๆ ในรายงาน
ถ้าปรับตัวเร็ว มองเห็นเทรนด์ก่อน และใช้เทคโนโลยีอย่างฉลาด คุณจะไม่เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่ยัง เติบโตได้ ในปีที่หลายธุรกิจมองว่ายากที่สุด ด้วย
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!




