Google Ads คืออะไร
แพลตฟอร์มโฆษณาของ Google ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังค้นหาข้อมูลสินค้า
Google Ads คืออะไร
Google Ads คือแพลตฟอร์มโฆษณาของ Google ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังค้นหาข้อมูลสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้องโดยตรง ผ่านหน้าค้นหาของ Google และเครือข่ายพันธมิตรอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจ SME โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการเริ่มต้น
ยิ่งไปกว่านั้น Google Ads เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ด้วยตัวเอง โดยทำงานผ่านบราวเซอร์อย่างเช่น Google Chrome ดังนั้นธุรกิจ SME สามารถที่จะสร้างแคมเปญโฆษณาเพื่อโปรโมทแบรนด์และสินค้าได้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการวางแผนหรือจัดการแคมเปญ Google Ads ด้วยตนเอง อาจพิจารณาเริ่มต้นร่วมงานกับ บริษัททำ Google Ads ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การโฆษณาออนไลน์โดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุนไป
นอกจากนี้ หากคุณกำลังมองหาแนวทางทำการตลาดออนไลน์อย่างครบวงจร การทำงานร่วมกับ บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ที่ให้บริการแบบครบเครื่องก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจ
ความแตกต่างของ Google Ads กับแพลตฟอร์มโฆษณาอื่น
หนึ่งในจุดเด่นของ Google Ads คือการเข้าถึงผู้ที่มีแนวโน้มจะตัดสินใจซื้อสูงกว่าการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียล เช่น Facebook ที่มักเน้นสร้างการรับรู้หรือความสนใจเป็นหลัก ในขณะที่ Google Ads มุ่งเป้าไปยังผู้ใช้ที่กำลังค้นหาสิ่งที่ต้องการและมีโอกาสกลายเป็นลูกค้าจริง
ความยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจ SME
Google Ads เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ SME เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดขั้นต่ำในการใช้งบประมาณ ผู้ใช้งานสามารถตั้งงบประมาณรายวันได้ตามต้องการ เช่น 100–300 บาทต่อวัน อีกทั้งยังสามารถกำหนดพื้นที่แสดงผลของโฆษณาได้อย่างแม่นยำ เช่น รอบร้านค้าในรัศมี 5–10 กิโลเมตร หรือแสดงเฉพาะในช่วงเวลาที่มีแนวโน้มสูงที่จะปิดการขาย
ประเภทของโฆษณาใน Google Ads
Google Ads ไม่ได้มีเพียงแค่โฆษณาในหน้าค้นหา (Search Ads) เท่านั้น แต่ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ที่หลากหลายและตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางการตลาดที่แตกต่างกัน
1. Search Ads
เป็นโฆษณาที่ปรากฏในหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Google เมื่อลูกค้าค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น “รับทำเว็บไซต์” หรือ “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายหรือยอดผู้เข้าเว็บไซต์จากผู้ที่มีความต้องการซื้อจริง
2. Display Ads
เป็นโฆษณาในรูปแบบแบนเนอร์หรือรูปภาพที่แสดงบนเว็บไซต์พันธมิตรของ Google ทั่วโลก เช่น เว็บไซต์ข่าว แอปพลิเคชัน หรือบล็อกต่าง ๆ เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์และหาลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถทำ Remarketing เพื่อติดตามผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้อีกด้วย โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการแสดงผล 100,000 ครั้งอาจอยู่ที่เพียง 5,000–10,000 บาท
3. YouTube Ads
เป็นโฆษณาวิดีโอที่แสดงบน YouTube ทั้งในรูปแบบที่แทรกก่อนหรือระหว่างการชมวิดีโอ เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชมที่ติดตามช่อง YouTube ยอดนิยม ค่าใช้จ่ายต่อการชมวิดีโออาจต่ำถึง 0.50 บาทต่อวิว ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับโฆษณาทางโทรทัศน์
4. Gmail Ads
เป็นโฆษณาที่ปรากฏในกล่องจดหมายของผู้ใช้ Gmail คล้ายอีเมลฉบับหนึ่ง เมื่อคลิกเข้าไปจะพาผู้ใช้งานไปยังเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page ที่ธุรกิจต้องการโปรโมต เหมาะสำหรับการเข้าถึงผู้ใช้งานในรูปแบบที่ไม่รบกวนมากเกินไป
5. Discover Ads
เป็นโฆษณาที่แสดงในฟีดข่าวของ Google Search บนอุปกรณ์มือถือ ลักษณะคล้ายกับการเลื่อนดูโพสต์บน Facebook เหมาะสำหรับการเจาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการติดตามข่าวสารและมีแนวโน้มสูงในการตอบสนองต่อเนื้อหาใหม่ ๆ
Performance Max Campaign: โฆษณารูปแบบใหม่ในแคมเปญเดียว
Performance Max เป็นแคมเปญใหม่ที่ Google เปิดให้ใช้งาน ซึ่งช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถแสดงโฆษณาได้ในหลายแพลตฟอร์มภายใต้แคมเปญเดียว ทั้ง Search, Display, YouTube, Gmail และ Discover ทำให้บริหารจัดการง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทาง
Demand Gen Campaign: สร้างความสนใจเพื่อกระตุ้นดีมานด์
Demand Gen Campaign เป็นแคมเปญโฆษณาที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมายในช่วงต้นของการตัดสินใจซื้อ โดยเน้นการนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เช่น วิดีโอ รูปภาพ หรือบทความ ซึ่งมักแสดงผลบนแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ใช้เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจหรือเนื้อหาน่าสนใจ เช่น YouTube, Discover หรือ Gmail
เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง
การเลือกใช้ประเภทโฆษณาให้เหมาะกับเป้าหมายทางธุรกิจ
- หากเป้าหมายคือการปิดการขาย: ควรเลือกใช้ Search Ads เพื่อเข้าถึงผู้ที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการ
- หากต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์: ใช้ Display Ads หรือ YouTube Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มใหม่ ๆ
- หากต้องการกระตุ้นให้ลูกค้าเดิมกลับมา: Remarketing ผ่าน Display หรือ YouTube จะช่วยเสริมความทรงจำเกี่ยวกับแบรนด์
วิธีเริ่มต้นใช้งาน Google Ads สำหรับมือใหม่
แม้ Google Ads จะเป็นแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูง แต่สำหรับผู้เริ่มต้น การตั้งค่าแคมเปญครั้งแรกอาจดูซับซ้อน ขั้นตอนพื้นฐานในการเริ่มใช้งานมีดังนี้:
- สร้างบัญชี Google Ads
เริ่มจากการสมัครใช้งานผ่านเว็บไซต์ ads.google.com ด้วยบัญชี Gmail ที่คุณใช้งานอยู่ - กำหนดวัตถุประสงค์ของแคมเปญ
Google Ads ให้คุณเลือกเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการรับสายโทรศัพท์ - เลือกประเภทของแคมเปญที่เหมาะสม
เช่น ถ้าเป็นร้านค้าในพื้นที่ อาจเริ่มจาก Local Search Ads หรือหากต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ อาจใช้ Display หรือ YouTube Ads - กำหนดงบประมาณและการเสนอราคา (Bidding)
Google ให้คุณเลือกได้ว่าจะใช้แบบ Manual Bidding หรือแบบอัตโนมัติ เช่น Maximize Clicks หรือ Target CPA - เลือกกลุ่มเป้าหมายและคีย์เวิร์ด
การตั้งกลุ่มเป้าหมายตามพื้นที่ เพศ อายุ ความสนใจ และเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับพฤติกรรมการค้นหาของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมาก - สร้างโฆษณาให้ดึงดูดใจ
ควรเขียนข้อความโฆษณาให้น่าสนใจ มี Call to Action ที่ชัดเจน และเชื่อมโยงไปยังหน้า Landing Page ที่สอดคล้องกับคำค้นหา - ติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ใช้เครื่องมือเช่น Google Ads Report หรือ Google Analytics เพื่อตรวจสอบว่าโฆษณาทำงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และปรับให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
สรุป
Google Ads เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นสูง ตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาดโดยเฉพาะ SME ที่มีงบประมาณจำกัด ด้วยความสามารถในการเลือกประเภทโฆษณาให้เหมาะสมกับเป้าหมาย และบริหารงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ Google Ads จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการทำตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบัน
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!




