กลยุทธ์การตลาดบาร์บีคิวพลาซ่า

การสร้างความผูกพันทางอารมณ์และการปรับตัวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

กลยุทธ์การตลาดบาร์บีคิวพลาซ่า

การสร้างความผูกพันทางอารมณ์และการปรับตัวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดร้านอาหารที่มีการแข่งขันรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารแบบสบาย ๆ หรือ Casual Dining ที่เน้นบรรยากาศเข้าถึงง่าย ราคาเหมาะสม และบริการที่รวดเร็ว ตลาดนี้มีผู้เล่นมากมายทั้งรายใหญ่ เช่น MK Restaurant Group, Oishi และ Minor Food Group ไปจนถึงผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง สุกี้ตี๋น้ย ที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งด้วยกลยุทธ์ราคาและโปรโมชั่นที่ดุดัน

บาร์บีคิวพลาซ่า หนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 4 ทศวรรษ ภายใต้การบริหารของบริษัทฟู้ดแพชชั่น จำกัด ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการดำรงอยู่และเติบโตในตลาดที่มีพลวัตสูง ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้า การปรับภาพลักษณ์แบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค


ประวัติแบรนด์และจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์

บาร์บีคิวพลาซ่าก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2530 และเติบโตขึ้นมาเป็นแบรนด์ร้านอาหารปิ้งย่างแบบทำเอง (DIY BBQ) ที่มีเอกลักษณ์ ด้วยมาสคอตก้อนซังและโดมกระทะร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ แบรนด์ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ที่คุณภาพของอาหารเท่านั้น แต่ยังเน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมที่ให้ลูกค้ามีส่วนในการปรุงอาหารด้วยตนเอง

ในปี พ.ศ. 2556 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อบาร์บีคิวพลาซ่าตัดสินใจลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Y) ที่นิยมการรับประทานอาหารนอกบ้านและใช้ชีวิตในศูนย์การค้า ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมการเปิดตัวแคมเปญ “Refill” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และเริ่มสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เชื่อมโยงกับความสนุก ความสะดวกสบาย และความสุข


กลยุทธ์การตลาดเชิงอารมณ์: จากก้อนซังสู่ Sad Kama-Chan

หนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของบาร์บีคิวพลาซ่าคือความสามารถในการใช้การเล่าเรื่องและตัวละครมาสคอตในการสื่อสารเชิงอารมณ์ โดยเฉพาะแคมเปญ “Sad Kama-Chan” ในปี พ.ศ. 2568 ที่สามารถเปลี่ยนวิกฤติยอดขายที่ลดลง 10% ให้กลายเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างน่าทึ่ง

แคมเปญดังกล่าวเปลี่ยนหน้ามาสคอตก้อนซังให้เป็นหน้าเศร้า พร้อมข้อความตรงไปตรงมาว่า “ก้อนซังเศร้าเพราะยอดขายลดลง” และกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการช่วยก้อนซังกลับมายิ้มได้ด้วยการมากินที่ร้าน ผลลัพธ์คือยอดขายกลับมาพุ่งขึ้นในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ และเกิดการกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 200,000 ครั้งในคืนเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการตลาดเชิงอารมณ์ที่สื่อสารกับลูกค้าในระดับความรู้สึก ไม่ใช่แค่การส่งเสริมการขายแบบดั้งเดิม


การใช้ดิจิทัลและโซเชียลมีเดียอย่างมีกลยุทธ์

ความสำเร็จของแคมเปญอย่าง Sad Kama-Chan หรือแม้แต่แคมเปญ #TheWait ไม่ได้เกิดจากการสร้างเนื้อหาที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการวางกลยุทธ์สื่อสารดิจิทัลที่ชัดเจน บาร์บีคิวพลาซ่าจัดสรรงบประมาณการตลาดกว่า 70% ไปกับช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะ Facebook, TikTok, LINE และ Instagram

การวางกลยุทธ์เนื้อหา (Content Strategy) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เช่น วิดีโอสั้นที่เล่าเรื่องได้ในเวลาไม่เกิน 1 นาที การสร้างโพสต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประจำวัน และการสนับสนุนให้ลูกค้าสร้างเนื้อหา (User-Generated Content) เช่น ถ่ายรูปกับก้อนซังเพื่อรับสิทธิพิเศษ ส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมและการแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว


โปรแกรมความภักดี “Gon Gang”: CRM ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการสร้างโปรแกรมสมาชิก “Gon Gang” ที่มีสมาชิกกว่า 3.5 ล้านคน และกว่า 90% กลับมาใช้บริการอีกครั้งภายใน 3 เดือน โปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่ระบบสะสมแต้มธรรมดา แต่เป็นระบบ CRM ที่ใช้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าในการออกโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เช่น ส่วนลดมื้อเที่ยงเฉพาะลูกค้าที่มาทานช่วงกลางวันบ่อย หรือโปร “Imfinity” สำหรับลูกค้าที่รับประทานช่วงดึก

ระบบนี้ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญของการตลาดยุคใหม่ และยังเป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนกว่าการลดราคาแบบมวลชนในระยะยาว


การสร้างสรรค์นวัตกรรมเมนูและประสบการณ์รับประทานอาหาร

บาร์บีคิวพลาซ่าไม่หยุดอยู่กับเมนูเดิม ๆ แต่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น “Black Menu” ที่นำเสนอวัตถุดิบพรีเมียมอย่างเนื้อวากิว หมูพริกไทยดำ และ “กระทะดำ” ที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์การปิ้งที่มีคุณภาพและรวดเร็วขึ้น

การลงทุนในกระทะดำมูลค่ารวมกว่า 110 ล้านบาท ไม่ใช่แค่เพื่อตอบโจทย์การใช้งานเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์รับประทานอาหาร โดยเน้นไปที่ “ความเป็นเลิศในการปิ้งย่างบนกระทะ” ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณค่าหลักของแบรนด์


แคมเปญเพื่อสังคม: การตลาดที่มีวัตถุประสงค์

การตลาดของบาร์บีคิวพลาซ่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยอดขาย แต่ยังรวมถึงการสร้างคุณค่าทางสังคม เช่น แคมเปญ “Pre-Wedding Campaign” ที่สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม โดยเปิดโอกาสให้คู่รักทุกเพศสามารถลงนามในใบรับรองสมรสเชิงสัญลักษณ์กับแบรนด์ ซึ่งช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะแบรนด์ที่ไม่เลือกปฏิบัติและมีจุดยืนทางสังคมที่ชัดเจน


การแข่งขันและการวางตำแหน่งในตลาด

แม้ว่าบาร์บีคิวพลาซ่าจะครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มร้านปิ้งย่างเกือบ 60% แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากทั้งแบรนด์ใหญ่ที่มีเครือข่ายสาขาจำนวนมาก เช่น MK Restaurant และแบรนด์ใหม่ที่รุกหนักในด้านราคา เช่น Lucky Suki ซึ่งสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วยโมเดลบุฟเฟต์ราคาประหยัดและโปรโมชั่นที่ต่อเนื่อง

ในบริบทนี้ บาร์บีคิวพลาซ่ามีจุดแข็งที่ยากจะเลียนแบบ ได้แก่ ความผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์ มาสคอตที่มีเอกลักษณ์ การสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และระบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

งบกำไรขาดทุน ข้อมูลปีงบการเงิน 2563 – 2567

ปี รายได้รวม (ล้านบาท) กำไรสุทธิ (ล้านบาท)
2563 2,870 241
2564 2,311 48
2565 3,636 351
2566 3,655 24
2567 3,688 278

แหล่งข้อมูล: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

จากตารางจะเห็นได้ว่า แม้ในช่วงปี 2564 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมร้านอาหารโดยรวม แต่บาร์บีคิวพลาซ่าสามารถฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงในปี 2568 ผ่านการใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงอารมณ์ การขยายฐานลูกค้าด้วยโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ และการยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารภายในร้าน


บทสรุป: กลยุทธ์การตลาดบาร์บีคิวพลาซ่า

กลยุทธ์ของบาร์บีคิวพลาซ่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง “หัวใจ” และ “กลยุทธ์” โดยใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมผู้บริโภคมาออกแบบประสบการณ์ที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาสคอตในการเล่าเรื่อง การใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย การลงทุนในนวัตกรรมอย่างกระทะดำ หรือการแสดงจุดยืนในประเด็นทางสังคม

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ความสำเร็จของบาร์บีคิวพลาซ่าไม่ได้เกิดจากการขายอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นรากฐานที่แท้จริงของความยั่งยืนในธุรกิจอาหารยุคใหม่


เกี่ยวกับ SMEJUMP

SMEJUMP เป็นบริษัททำการตลาดออนไลน์ครบวงจรสำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะ เราให้บริการตั้งแต่การวางกลยุทธ์ดิจิทัล การโฆษณาผ่าน Facebook, Google, TikTok การออกแบบเว็บไซต์และกราฟิก ไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ พร้อมทีมงานที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์อย่างแท้จริง

แจก E-book Google VS Facebook ฟรี!!!

เพียงส่งโค้ดในหน้าเว็บนี้เข้ามาที่ไลน์

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: [email protected]

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ